HTECH แรงเวอร์! หลังก๊วนหมอตลุยซื้อ PP

HTECH แรงเวอร์! หลังก๊วนหมอตลุยซื้อ PP


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ณ เวลา 11.49 น. ราคาอยู่ที่ 4.76 บาท บวก 0.32 บาท หรือ 7.21% ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ 49.94 ล้านบาท คาดนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไร หลังก๊วนหมอ“หมอวิน-หมอยรรยง”เข้ามาซื้อหุ้น PP 

นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของบริษัท ครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2559 อนุมัติกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในราคาเสนอขาย 4.20 บาทต่อหุ้น จำนวนไม่เกิน 39,196,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ซึ่งมีกำหนดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่างวันที่ 2 ธันวาคม และวันที่ 6-7 ธันวาคม 2559

ทั้งนี้ อนุมัติจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด ให้กับบุคคลซึ่งมิได้เป็นบริษัทย่อยหรือบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท ทั้ง 14 ราย รวมจำนวนหุ้น 39,196,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 164,623,200 บาท ประกอบกอบด้วย 1.บริษัท ฟิลลิปประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 9,846,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 41,353,200 บาท, 2.นายอนันต์ ระวีแสงสูรย์ เป็นนักธุรกิจ จำนวน 8,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 33,600,000 บาท, 3.นายสุพรรณ อัครพันธ์  เป็นนักธุรกิจ จำนวน 1,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 4,200,000 บาท

4.นายรัชต์ชยุตม์ จีระพรประภา (หมอวิน) เป็นแพทย์ โรงพยาบาลไทยนครินทร์  จำนวน 3,500,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 14,700,000 บาท, 5.นายยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม (หมอยรรยง) เป็นทันตแพทย์ จำนวน 2,500,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 10,500,000 บาท, 6.นายประวิทย์ กอบกุลสุวรรณ เป็นนักธุรกิจ จำนวน 2,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 8,400,000 บาท, 7.นางสาวภัทรียา ศรีอุดม เป็นนักลงทุน จำนวน 1,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 4,200,000 บาท, 8.นายพิชิต ชินวิทยากุล เป็นนักลงทุน จำนวน 5,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 21,000,000 บาท, 9.นายภากร กันทาธรรม ประกอบอาชีพรับราชการ จำนวน1,250,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 5,250,000 บาท

6.นายรณชัย วิริยะทวีกุล ประกอบอาชีพรับราชการ จำนวน 1,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 4,200,000 บาท, 11.นางจินดารัตน์ วิระยะทวีกุล ประกอบอาชีพรับราชการ จำนวน 1,000,000 หุ้น  มีมูลค่ารวม 4,200,000 บาท,12.นางสาวสรัลชนา วิระยะทวีกุล เป็นนักลงทุน จำนวน 1,000,000 หุ้น มีมูลค่ารวม 4,200,000 บาท, 13.นายพงา วรรธนะกุล เป็นนักธุรกิจ จำนวน 1,000,000 หุ้น  มีมูลค่ารวม 4,200,000 บาท และ 14.นายพิสิฐ เหตระกูล เป็นนักธุรกิจ จำนวน1,100,000 หุ้น  มีมูลค่ารวม 4,620,000 บาท

สำหรับราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ที่ 4.20 บาทต่อหุ้น ไม่เข้าข่ายเป็นการเสนอขายในราคาต่ำกว่า 90% ของราคาตลาด คณะกรรมการบริหารจึงไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาห้ามขายหุ้น (Silent Period) กับกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ อีกทั้งการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดดังกล่าวข้างต้นไม่มีนักลงทุนรายใดซึ่งรวมบุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับการจัดสรรจนถึงเกณฑ์ที่ทำให้นักลงทุนหรือกลุ่มนักลงทุนได้รับการจัดสรรแบบเฉพาะเจาะจงต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท (Tender Offer)

ขณะเดียวกันการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการสินค้าของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มยอดขายและอัตราการทำกำไรได้อย่างยั่งยืนจึงได้พิจารณาว่าการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดให้แก่บุคคลที่มีศักยภาพด้านเงินทุน มีฐานะทางการเงินมั่นคง และมีความพร้อมในการชำระเงินเพิ่มทุนเป็นแนวทางการจัดหาเงินทุนที่มีความเหมาะสม

รวมถึง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เนื่องจากการระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงที่มีศักยภาพด้านเงินทุนโดยตรงนั้น ทำให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสอดคล้องกับระยะเวลาในการใช้เงิน

อีกทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว จำนวน 39,196,000 หุ้น ยังส่งผลให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็นจำนวน 300,000,340 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300,000,340 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียนจำนวน 260,804,340 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 260,804,340 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

ขณะที่ผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 80.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 112.37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 37.82 ล้านบาท เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ประกอบกับยอดขายมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีรายได้รวมอยู่ที่ 588.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.49 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 10.41% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 533.20 ล้านบาท เนื่องจากมีการติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น

อีกทั้งยังสามารถส่งมอบสินค้าได้มากขึ้น ทำให้รายได้มีการปรับตัวขึ้น ประกอบกับลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) มีคำสั่งซื้อเข้ามาเพิ่มขึ้นมากกว่าปีก่อน และบริษัทย่อยมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์ มีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งบริษัทได้มีการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 เพื่อทดแทนการย้ายฐานการผลิตของลูกค้าหลัก

Back to top button