PYLON คาดกำไรสุทธิปี 60 โตแกร่ง – เตรียมประมูลงานใหม่ มูลค่า 2 พันลบ.
PYLON คาดกำไรปี 60 ฟื้นตัวตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น - ตุน Backlog 582 ลบ. ทยอยรับรู้ฯถึงปี 60 - เตรียมประมูลงานใหม่ มูลค่าราว 2 พันลบ. คาดได้งานกว่า 25%
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าในปี 60 กำไรสุทธิจะฟื้นตัวตามความสามารถในการรับงานที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 25-30% จากปีนี้ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะต่ำกว่าปี 58 ที่ 202 ล้านบาท หลังในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้บริษัททำกำไรสุทธิได้เพียง 119.57 ล้านบาท แต่ในปี 60 บริษัทคาดว่าจะรับงานได้เพิ่มขึ้น หลังซื้อเครื่องจักรเพิ่มเป็น 21 เครื่อง จากปีก่อนที่มี 15 เครื่อง ประกอบกับแนวโน้มงานเฉพาะค่าแรง ซึ่งมีมาร์จิ้นดีกว่านั้นได้ปรับตัวขึ้น ซึ่งเห็นได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/59 ที่งานเฉพาะค่าแรงปรับตัวเพิ่มขึ้น จากช่วง 3 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยงานค่าแรงมีสัดส่วนอยู่ที่ 25%
ขณะเดียวกันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) 582 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 290 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 60 ทั้งหมด นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมประมูลงานใหม่ มูลค่าราว 1.5-2 พันล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังที่จะได้งานไม่ต่ำกว่า 25%
สำหรับอุตสาหกรรมรับเหมาฐานรากในปี 60 มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นมาก จากงานประมูลรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม ,สายสีเหลือง และสายสีชมพู รวมทั้งงานภาคเอกชน ที่คาดว่าจะมีงานคอนโดมิเนียมเพิ่มมากขึ้นจากการเปิดตัวโครงการใหม่ ๆ ตามแนวรถไฟฟ้าใหม่ โดยปัจจุบันบริษัทมีงานที่ทำอยู่ เช่น โครงการสามย่านมิตรทาวน์ สุวรรณภูมิ เฟส 2 รถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น งานอาคารโรงพยาบาล 2 แห่ง และงานคอนโดมิเนียมหลายแห่ง
นอกจากนี้ยังมีรถไฟฟ้าทางคู่อีก 5 เส้นทางที่จะเปิดประมูลในช่วงไตรมาส 4/59 จนถึงไตรมาส 1/60 ซึ่งโครงการขนาดใหญ่ดังกล่าวจะทำให้กำลังการผลิตของงานฐานรากถูกถึงออกไปใช้ และลดการแข่งขันด้านราคาลง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ชัดเจนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 60 และเนื่องด้วยความต้องการงานฐานรากที่มีแนวโน้มเพิ่มจากโครงการลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้เริ่มเห็นผู้รับเหมาฐานรากบางรายมีการลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม และด้วยผู้ประกอบการฐานรากรายใหญ่ๆ ในอุตสาหกรรมที่มีเพียง 4-5 ราย เท่านั้น จึงคาดว่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมฐานรากค่อย ๆ ฟื้นตัว และมีการแข่งขันลดลง ซึ่งจะเป็นแรงหนุนที่ดีในปี 60
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่รีบเร่งลงทุนเครื่องจักรใหม่ ซึ่งยังต้องรอติดตามสถานการณ์งานที่จะออกมาอย่างแท้จริงก่อน ซึ่งบริษัทก็สามารถลงทุนได้ทันที โดยได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 200-300 ล้านบาท สำหรับการซื้อเครื่องจักรใหม่ หากงานออกมาจริง