บลจ.ซีไอเอ็มบี คุณภาพคับแก้ว 3 กองทุนซื้อแล้วไม่ผิดหวัง!
บลจ.ซีไอเอ็มบี คุณภาพคับแก้ว 3 กองทุนซื้อแล้วไม่ผิดหวัง!
คุณวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ว่า ผู้ลงทุนที่มีกองทุน LTF และ RMF จะมีความเสี่ยงสำหรับพอร์ตการลงทุนอยู่ที่ 25% จึงแนะนำให้ลงทุนมากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง หากท่านมีอายุไม่เกิน 45 ปี ควรจัดพอร์ตกองหุ้น LTF และ RMF ประมาณ 70% กองตราสารหนี้ RMF 10% และกองทางเลือก iPROPRMS อสังหาริมทรัพย์อีก 20%
เมื่อจัดตามข้างต้นจะทำให้มีความเสี่ยงเหลือเพียง 11% ตะกร้าเงินจะมีความหลากหลายมากขึ้น มีหุ้น, ตราสารหนี้ และพร็อพเพอร์ตี้ โตขึ้นในระยะยาว ความเสี่ยงไม่ได้มากเกินไป เมื่อจัดพอร์ตจะส่งผลให้มีเงินออมมากขึ้นหลังเกษียณ และการลดหย่อนภาษีเป็นของแถม
สำหรับ จุดเด่นกองทุนทั้ง 3 กองทุน ประกอบด้วย 1) กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลไลฟ์ LTF หุ้นระยะยาว ของกองทุนในประเทศ และ Morningstar 3 ดาว สามารถทำหุ้นรายตัวและวิเคราะห์เอง ทางกองทุนเน้นไปพบ 20 บริษัทและพบผู้บริหารเอง ให้รีเทิร์น 13% และติด TOP10 จากทั้งหมด 53 กองทุน LTF ย้อนหลัง 5 ปี
2) กองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล ไลฟ์ RMF ได้ 13% ต่อปีย้อนหลัง 5 ปี ชนะเกิน 2 เท่า ได้เป็น TOP10 ของกองทุน RMS ย้อนหลัง 5 ปี Morningstar 4 ดาว
3) กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลพร็อพเพอร์ตี้ อินคัม RMF เน้นตราสารภาครัฐที่มั่นคง และอันดับเอกชนที่ได้อันดับเรทติ้งดี ย้อนหลัง 5 ปี ได้ 3% ต่อปี มี Morningstar 3 ดาว อีกทั้ง อินคัม RMF จะเป็นหุ้นในตัวอสังหาริมทรัพย์จะเป็นห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน ซึ่งตัวค่าเช่าที่มาถึงกองทุนปีหนึ่งประมาณ 5-7% กองนี้ย้อน 3 ปีได้ 15% ต่อปี ชนะเกิน 2 เท่า เป็นที่ 1 ของตารางไฮเดรฟประเทศไทยให้ 3 กองทุนนี้เป็นที่หนึ่ง และได้อันดับสูงสุดคือ 5 ดาว Morningstar
อย่างไรก็ตาม กองนี้เป็นสินทรัพย์ทางเลือก โดยกองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลไลฟ์หลักๆ อยู่ที่เมืองไทย บางส่วนอยู่ที่สิงค์โปร เน้นกลุ่มอาคารสำนักงาน ห้างค้าปลีก และคลังสินค้า เป็นสัญญาเช่าระยะยาว ลงทุนแล้วเก็บค่าเช่ากลับมา ได้ค่าตอบแทน 5-7% มากกว่าดอกเบี้ยหลายเท่า ค่าเช่านี้ทำให้กองทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ความที่เป็นหลักทรัพย์ทางเลือกจะไม่ไปกับหุ้น จึงทำให้ลดความเสี่ยงได้ หากจัดพอร์ตในแบบ 70, 20, 10 ตามข้างต้น จะส่งผลให้เงินมีความผันผวนลดลง
“LMF และ RMF ของเราติด Morningstar ที่มีอายุเกิน 5 ปี แล้ว ซึ่งเมื่อดูตัวเลข 5 ปีย้อนหลัง ทางเราติด TOP10 ฝั่งกองทุน ส่วน iPROPRMSRMS ต้องมีอายุเกิน 3 ปี โดยทางกองทุนติดที่ 1 ย้อนหลัง 3 ปี ดังนั้นผลระยะยาวจะดีกว่าผลระยะสั้น ซึ่งบอกถึงความสามารถในการคัดเลือกหุ้นรายตัวหรือ TOP รายตัวได้ดีกว่า” นายวินกล่าว
สำหรับการจัด Morningstar จะจัดดาวแบบย้อนหลัง 3 ปีขึ้นไป ดูได้จากการเอากองทุนในประเทศไทยมาจัดอันดับกัน กองทุนที่อยู่บนตารางจะได้ดาวมาก อย่างตัว iPROPRMSRMF นั้นเป็นที่ 1 ของตาราง จากทั้งหมด 53 กองทุน
ทั้งนี้ การลงทุน LMF ไม่ว่าจะเป็น 5 ปี หรือ 7 ปี มองว่าระยะการลงทุนยิ่งยาวยิ่งดี หากลงทุนถือหุ้น 1 วัน จะมีโอกาสขาดทุน 50% ถือหุ้น 1 ปี เหลือ 25% ถือหุ้น 5 ปี เหลือ 10% ถือหุ้น 20 ปีเหลือ 0% โอกาสขาดทุนไม่มีเลย LMF และ RMF นั้น ออกแบบมาเพื่อการออมเงินระยะยาว ยิ่งถือยาวยิ่งขาดทุนน้อย การลดหย่อนภาษีเป็นของแถม และการเปิดบัญชีของเงินขั้นต่ำประมาณ 5,000 บาท สำหรับวันสุดท้ายของการซื้อกองทุน LMF และ RMF นั้นต้องซื้อภายในอาทิตย์นี้