ทนาย IFEC ชี้ ดีลซื้อ “ดาราเทวี” เริ่มส่งกลิ่นเหม็น

ทนาย IFEC ชี้ดีลซื้อ โรงแรม “ดาราเทวี” เริ่มส่งกลิ่นเหม็น หลังพบความผิดปกติในการชำระหนี้ที่ผ่านมา

นายธวัช ไทรราหู ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังตรวจสอบสัญญาระหว่างบริษัทกับบริษัทบริหารสินทรัพย์โกลบอลวัน กรณีซื้อโรงแรมดาราเทวี เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องอันเป็นการรักษาสิทธิผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั้งหมด เนื่องจากได้พบความผิดปกติในการชำระหนี้ที่ผ่านมา

สำหรับการซื้อโรงแรมดาราเทวี มีบริษัทที่เป็นเจ้าหนี้ที่บริษัทต้องชำระ 2 บริษัท คือ 1.บริษัท อินเตอร์ฟาร์อีสท์ เทอมอลพาวเวอร์ มูลค่าหนี้ 860 ล้านบาท ชำระไป 43 ล้านบาท 2.บริษัทบริหารสินทรัพย์ โกลบอลวัน มูลค่าหนี้ 950 ล้านบาท ชำระไปแล้ว 355 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามุ่งชำระเงินไปที่โกลบอลวันมากเป็นพิเศษ ขณะที่กรรมการบริษัทของโกลบอลวัน ก็มีสายสัมพันธ์กับอดีตผู้บริหารชุดนายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ซึ่งดูแลโรงแรมดาราเทวีโดยตรง

ทั้งนี้บริษัทไม่ได้ละเลยที่จะเคลียร์ปัญหาหนี้สิน แต่ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมอีกทั้งจากการตรวจสัญญาชำระหนี้ระหว่างบริษัทกับโกลบอลวัน เบื้องต้น พบว่าหากมีการผิดนัดทางบริษัทโกลบอลวัน ก็ไม่สามารถบังคับให้ชำระหนี้ทั้งหมดได้เพียงแค่เรียกค่าปรับตามอัตราดอกเบี้ยของธนาคารเท่านั้น จึงไม่มีนัยยะต่อผลประกอบการบริษัทแต่อย่างใด

นอกจากนี้บริษัทพยายามดึงเอกสาร จากกลุ่มบริษัทดาราเทวีและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินมาตรวจสอบทั้งหมด แต่ไม่ได้รับความร่วมมือซึ่งเป็นที่น่าสังเกตเพราะกลุ่มบริษัททั้งหมดนั้นนายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ ยังไม่ลาออกจากการเป็นกรรมการ

“การบริหารงานดาราเทวี ในอดีตเหมือนจะเป็นเอกเทศจากบริษัทแม่ เนื่องจากกลุ่มนายสิทธิชัย ดูแลโดยตรงการจ่ายหนี้ที่ผ่านมามีการทักท้วงจากนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานบริษัท แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ”

ขณะที่ นายศุภกร แย้มงามเหลือ ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ IFEC เปิดเผยว่า จากการที่นายสิทธิชัยแถลงข่าวประกาศลาออกจากบริษัทลูกของบริษัททั้งหมดเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่านายสิทธิชัยยังไม่ลาออกอีก 4 บริษัทซึ่งอยู่ในกลุ่มที่มีปัญหา คือ 1.บริษัทโรงแรมดาราเทวี จำกัด 2.บริษัทดาราเทวี จำกัด 3.บริษัทเอพีเค จำกัด 4.บริษัทฟาร์อีสท์ เทอมอลพาวเวอร์ จำกัด

“นายสิทธิชัย พูดเองในการแถลงข่าวว่าจะลาออกทุกบริษัท แต่ทำไมไม่ลาออกจาก 4 บริษัทข้างต้นและตั้งข้อสังเกตว่าทำไมบริษัทเรียกหลักฐานต่างๆเกี่ยวกับหนี้สินมาตรวจสอบจึงไม่ได้รับความร่วมมือ หรือเพราะต้องการทำให้บริษัทเสียหายโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบกับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนรายย่อย”

ทั้งนี้ขอยืนยันว่า บริษัทไม่มีปัญหาการชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้รายใด เช่นเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ผ่านมาก็ได้ชำระตั๋ว บีอี ก้อนแรก 100 ล้านบาทไปแล้ว และอีกก้อน 200 ล้านบาท ที่จะถึงกำหนดในวันที่ 5ม.ค.ที่จะถึงนี้ ก็ได้จัดเตรียมที่จะชำระไว้แล้วแต่การชำระหนี้ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและผลประโยชน์ของบริษัท