GL คาดกำไรปีนี้แตะ 30 ล้านเหรียญฯ รุกเจาะตลาดในทวีปแอฟริกา-ยุโรปตะวันออก

GL คาดกำไรปีนี้แตะ 30 ล้านเหรียญสหรัฐ หลัง Q4/59 เริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF-รุกเจาะตลาดใหม่ 13 ปท. ในทวีปแอฟริกา-ยุโรปตะวันออก


นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทกรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เปิดเผยว่า ประกาศแผนงานขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในปี 60 ตั้งเป้ามุ่งสู่บริษัทระดับโลก จากปัจจุบันที่มีเครือข่ายธุรกิจใน 7 ประเทศในเอเชีย รุกเจาะตลาดใหม่อีก 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ซึ่งจะทำให้มีเครือข่ายธุรกิจรวม 20 ประเทศทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้

สำหรับมเดลธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL สามารถนำไปใช้ได้ในทุกประเทศ ดังนั้นจึงสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยนายมิทซึจิเพิ่งเดินทางกลับจากการไปสำรวจตลาดในประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) ซึ่งเขามีความประทับใจมากว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก คล้ายกับอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกาตลอดจนเศรษฐกิจเกิดใหม่ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก

โดยกลุ่มบริษัท GL สามารถขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปสู่กลุ่มประเทศในอาเซียน โดยโมเดลธุรกิจซึ่งอาศัยแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้นทุนต่ำสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิ 260.41 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 นับเป็นกำไรรายไตรมาสสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ซึ่งทำให้ยอดกำไรสุทธิรวม 9 เดือนของปี 59 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 738 ล้านบาท โดยผู้บริหารของบริษัทฯ แสดงความมั่นใจว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้การประชุมสมัยวิสามัญเมื่อต้นเดือน ธ.ค.59 ผู้ถือหุ้นของ GL ได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนงานของบริษัทในการเข้าซื้อหุ้น 29.99% ของบริษัท Commercial Credit & Finance PLC (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่มีผลประกอบการดีมากและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศศรีลังกา และการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ BG Microfinance Myanmar (BGMM) ซึ่งเป็นบริษัทไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์

ขณะที่การเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ตลอดจนการรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนถือเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจเชิงรุก เป็นการรุกทะยานครั้งใหญ่ (Great Leap Forward) โดยองค์ประกอบสำคัญคือการเติบโตจากธุรกิจเดิม (Organic growth) ควบคู่กับการควบรวมกิจการ เช่น ในกรณี CCF และ BGMM

ทั้งนี้การเข้าซื้อหุ้นใน CCF นั้น จะมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของกลุ่ม GL เนื่องจาก CCF เป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีผลกำไรเป็นที่น่าประทับใจ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 22 ล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ จากการที่ GL เข้าซื้อหุ้น 29.99% ของ CCF ทำให้สามารถเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF ตั้งแต่ไตรมาส 4/59

โดยกลุ่มบริษัท GL นับว่ามีความแตกต่างจากบริษัทไฟแนนซ์ทั่วไป เนื่องจากบริษัทไฟแนนซ์ทั่วไปมักจะให้ความสำคัญกับลูกค้าในเมืองหลวงใหญ่ๆ หรือเขตเมืองที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่กลุ่ม GL พุ่งเป้าไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ในระดับรากหญ้าซึ่งมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นให้สินเชื่อรูปแบบต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตตลอดจนให้สินเชื่อกับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เพื่อช่วยเกื้อหนุนการประกอบธุรกิจ

Back to top button