“สิทธิชัย” ฟ้องหมิ่น “หมอวิชัย” งาบหัวคิวมาการอง 20%-โกลบอลวันมีเงื่อนงำ
“สิทธิชัย” ฟ้องหมิ่นประมาท ”หมอวิชัย” กินหัวคิวส่วนต่างขายมาการอง 20%-มุ่งคืนหนี้โรงแรมดาราเทวีให้ “บ.บริหารสินทรัพย์โกลบอลวัน” โดยศาลอาญานัดไต่สวนวันที่ 26 มิ.ย.นี้
“สิทธิชัย” ฟ้องหมิ่นประมาท ”หมอวิชัย” กินหัวคิวส่วนต่างขายมาการอง 20%-มุ่งคืนหนี้โรงแรมดาราเทวีให้ “บ.บริหารสินทรัพย์โกลบอลวัน” โดยศาลอาญานัดไต่สวนวันที่ 26 มิ.ย.นี้
นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ อดีตผู้บริหารบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้องนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ กับพวก ต่อศาลอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการที่นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ นายศุภกร แย้มงามเหลือและนายธวัช ไทรราหู ร่วมกันใส่ความนายสิทธิชัยให้เสียหายใน 2 ประเด็น ได้แก่
1.การซื้อขนมมาการองของ IFEC ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่า นายสิทธิชัยเป็นคนโกง เพราะให้บริษัท ไลท์ คอร์ปอเรท กินหัวคิวส่วนต่างราคาขายมาการอง 20%
2.หนี้ของบริษัทบริหารสินทรัพย์โกลบอลวัน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ของโรงแรมดาราเทวี ตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยใส่ความว่า นายสิทธิชัยมุ่งชำระหนี้ให้แก่โกลบอลวัน ทั้งที่โรงแรมดาราเทวี มีเจ้าหนี้สองราย คือ ไอเฟคเทอมอล กับ โกลบอลวัน ซึ่งจากการตรวจสอบของกลุ่มหมอวิชัยพบว่า โกลบอลวันมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายสิทธิชัย ซึ่งทั้งสองประเด็นเป็นการเอาความเท็จมาใส่ความนายสิทธิชัย จึงจำเป็นต้องฟ้องคดีต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง ทั้งนี้ ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 26 มิถุนายน 2560
ส่วนที่มีกระแสข่าวในวันนี้ว่า ผู้บริหาร IFEC จะไปร้องทุกข์กับดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร IFEC ในเรื่องการทุจริตนั้น นายสิทธิชัยเห็นว่า น่าจะเป็นความพยายามเบี่ยงเบนประเด็น เพราะเป็นที่ทราบกันว่า ในวันนี้ IFEC จะต้องชำระเงินตามตั๋ว B/E ที่ขอขยายเวลาเจ้าหนี้มาจากวันที่ 5 มกราคม 2559 แต่วันนี้ IFEC สามารถชำระเงินได้หรือไม่ หากชำระไม่ได้ จะเกิดความเสียหายอะไรกับบริษัทและผู้ถือหุ้น
ส่วนเรื่องการตรวจสอบอดีตผู้บริหารนั้น ยินดีให้มีการตรวจสอบ แต่สงสัยว่า อดีตผู้บริหารหมายถึงใครบ้าง เพราะนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ เป็นผู้บริหารสูงสุดของ IFEC มาโดยตลอด นายวิชัยจะไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยหรือ เนื่องจากข่าวที่ปรากฏ เห็นมีแต่สาดโคลนให้อดีตผู้บริหาร แต่ยังไม่เคยเห็นการแสดงความรับผิดชอบใดๆ จากผู้บริหารปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชายชุดดำ หรือการรังแกพนักงาน หรือการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ หากมีการให้ข่าวที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายอีก ก็จำเป็นต้องฟ้องคดีต่อศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง คงจะไม่ตอบโต้ไปมาในเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น