CCP บวก 7.25% โบรกฯ คาดรับแรงหนุนนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
CCP บวก 7.25% ลุ้นรายได้ปี 60 โตกระฉูด ตามการลงทุนโครงการภาครัฐ ล่าสุด ณ เวลา 15.18 น. ราคาอยู่ที่ 0.74 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 7.25% สูงสุดที่ 0.75 บาท ต่ำสุดที่ 0.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 20.89 ล้านบาท โบรกฯ คาดรับแรงหนุนนโยบายระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน)หรือ CCP ณ เวลา 15.18 น. ราคาอยู่ที่ 0.74 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 7.25% สูงสุดที่ 0.75 บาท ต่ำสุดที่ 0.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 20.89 ล้านบาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯ แนะนำหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดยเฉพาะนโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะกระตุ้นยอดขายที่ดิน 3 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทราเร่งตัวขึ้น มองหุ้นที่ได้รับประโยชน์ คือ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA), บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA), บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP)
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัทผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 จะเติบโตจากปีก่อนไม่ต่ำกว่า 10% หรือที่มีรายได้ราว 2,550 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตจะเป็นไปตามการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทปีนี้จะมาจากงานภาครัฐ 80% และงานภาคเอกชน 20%
ทั้งนี้ บริษัทเห็นว่าอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างปีนี้มีทิศทางดีขึ้น จากการที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ตามแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง โดยจะมีโครงการต่างๆทยอยออกมาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อาทิ โครงการก่อสร้างถนน รถไฟฟ้า รถไฟทางคู่ และมอเตอร์เวย์ ฯลฯ หากการก่อสร้างภาครัฐมีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนจะทำให้ภาคเอกชนมีการลงทุนตาม ซึ่งจะส่งผลทางบวกต่อทุกอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนทยอยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
“อุตสาหกรรมก่อสร้างถือว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ปีนี้น่าจะเข้าสู่ภาวะที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้คอนกรีตตลอดจนวัสดุก่อสร้างประเภทต่างๆทยอยปรับตัวสูงขึ้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯมีการลงทุนกว่า 200 ล้าน เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถผลิตคอนกรีต Precast ได้หลากหลายรูปแบบ เพิ่มศักยภาพรองรับการใช้งานก่อสร้างด้านโครงสร้างพื้นฐานและงานก่อสร้างทั่วไป และมีกำลังการผลิตที่เพียงพอรองรับความต้องการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการลงทุนดังกล่าว ยังสามารถรับสิทธิทางภาษีจากการลงทุน โดยหักรายจ่ายทางภาษีเพิ่มได้ 1 เท่า ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้น”นายอาทิตย์ กล่าว
โดยปัจจุบันบริษัทมี Backlog ประมาณ 2,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในระยะเวลา 1 ปี 6 เดือน แบ่งเป็นการรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 60-65% โดยบริษัทจะทยอยหางานเข้ามาเพิ่มอีกในอนาคต เพื่อรักษาระดับมูลค่างานในมือ (Backlog) ไว้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานอีกราว 500 ล้านบาท ที่จะทยอยรู้ผลประมูลงานไปจนถึงช่วงไตรมาส 2/60
ขณะที่งบลงทุนปีนี้บริษัทตั้งไว้ไม่เกิน 100 ล้านบาท โดยจะเน้นการลงทุนในการปรับปรุงเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ออกสินค้าใหม่ สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เพื่อรองรับออเดอร์และความต้องการใช้งานที่หลากหลายในอนาคต
สำหรับทิศทางอัตรากำไรสุทธิปีนี้ คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 1% หลังจาก 3 ไตรมาสปี 59 อยู่ที่เพียง 0.76% โดยบริษัทฯได้มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ประกอบกับจะได้มีการออกสินค้าใหม่ที่มีมาร์จิ่นสูง
นอกจากนี้บริษัทได้เลื่อนแผนการลงทุนโรงงานในเมียนมาร์ไปเป็นช่วงไตรมาส 4/60 จากเดิมที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงไตรมาส 4/59 เนื่องจากหลังเข้าไปดูสถานที่จริงแล้ว สาธารณูปโภคต่างๆได้แก่ ไฟฟ้า น้ำประปา เป็นต้นที่จะใช้เพื่อรองรับการเดินเครื่องจักรในโรงงานยังไม่พร้อม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพัฒนาอีกสักระยะหนึ่ง