NDR เก็งเป้ารายได้ปีนี้โต 15% ตั้งงบลงทุน 50-100 ลบ.เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
NDR ตั้งเป้ารายได้ปี 60 โต 10-15% เน้นขยายตลาดทั้งใน-ตปท. ตั้งงบลงทุน 50-100 ลบ.เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของบริษัทในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% จากปีก่อน โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งตลาดในประเทศจะเน้นการขยายฐานทั้งตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะเน้นที่ประเทศอินเดียซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก และขยายไปประเทศใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้สัดส่วนรายได้จากในประเทศและต่างประเทศจะใกล้เคียงปีก่อน โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ระดับ 50:50
“แนวโน้มภาพรวมอุตสาหกรรมในปีนี้น่าจะทรง ๆ ตัว หรือดีขึ้นเล็กน้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาพืชผลการเกษตร ซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อของภาคประชาชน ขณะที่ในส่วนของบริษัทจะมุ่งเน้นการทำการตลาดเพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยมีแผนขยายตลาดทั้งในประเทศและขยายตลาดต่างประเทศอื่น ๆ เพิ่มเติม นอกเหนือจากตลาดอินเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยง ทั้งนี้ ในส่วนของราคายางที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น ก็ย่อมส่งผลต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัท แต่ผลกระทบนี้เป็นผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรม ดังนั้น เมื่อต้นทุนผู้ผลิตทุกรายสูงขึ้น การจัดโปรโมชั่นก็คงจะมีน้อยลง หรือราคาสินค้าก็อาจจะถูกปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถรักษาอัตรากำไรของบริษัทไว้ได้” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของผลิตภัณฑ์ AIR LOCK ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มาใช้ทดแทนยางใน บริษัทยังคงเดินหน้าทำแผนการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับให้ความรู้ตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น โดยในช่วงที่ผ่านผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถสร้างการรับรู้ และทำให้ผู้บริโภครู้จักยาง ND Rubber มากขึ้น
สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 50-100 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการวิจัยพัฒนาสินค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดีที่สุด
“ในส่วนของโครงการร่วมลงทุนจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตและจำหน่ายยางล้อรถยนต์และยางล้อรถบรรทุก บริษัทและบริษัท ป.สยามอุตสาหกรรมยาง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน ยังคงเดินหน้าศึกษารายละเอียดของโครงการ แม้ว่าผู้ร่วมทุนอีกรายไม่สามารถตกลงในเงื่อนไขบางอย่างในการเข้าร่วมทุนครั้งนี้ได้จึงได้ขอชะลอการตัดสินใจการเข้าร่วมทุนดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปัจจุบันของบริษัทแต่อย่างใด” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการเน้นบริหารจัดการด้านต้นทุน ประกอบกับบริษัทได้มีการผลิตไฟฟ้าใช้เองในโรงงาน ซึ่งปีนี้จะรับประโยชน์อย่างเต็มปี หลังได้เริ่มผลิตตั้งแต่เดือนต.ค.59 ก็เชื่อว่าจะผลักดันให้ภาพรวมอัตรากำไรปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ