TU ฟุ้งยอดจองหุ้นกู้ 1.20 หมื่นลบ. พุ่งเกิน 2.6 เท่า หวังระดมเงินซื้อ “เรดล็อบสเตอร์”
TU ฟุ้งยอดจองหุ้นกู้ 1.20 หมื่นลบ. พุ่งเกิน 2.6 เท่า หวังระดมเงินเข้าซื้อกิจการ "เรดล็อบสเตอร์"
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ 1.20 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนการเข้าซื้อกิจการเรด ล็อบสเตอร์ หุ้นกู้อายุ 3 ปี, 5 ปี, 7 ปี,10 ปี ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงที่สุดของ TU โดยได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากนักลงทุนสถาบันที่ใช้สิทธิจองซื้อเกินกว่า 2.6 เท่า
สำหรับอัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้อายุ 3 ปี อยู่ที่ 2.49% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 5 ปี อยู่ที่ 2.91% ต่อปี หุ้นกู้อายุ 7 ปี อยู่ที่ 3.58% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.94% ต่อปี โดยมีธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เป็นผู้จัดการจำหน่ายหุ้นกู้
นอกจากนี้ TU ยังลงนามวงเงินกู้ระยะยาวมูลค่า 1.25 หมื่นล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ , ธนาคารกรุงศรีอยุธยา , ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิง คอร์ปอร์เรชั่น สาขากรุงเทพฯ เป็นผู้จัดการ ในขณะที่ธนาคารกสิกรไทย , ธนาคารมิซูโฮ, ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด (ไทย) และธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย)เป็นผู้จัดการร่วม
“การให้ความสนใจอย่างล้นหลามของนักลงทุนต่อหุ้นกู้ของบริษัทสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่ผู้ลงทุนมีต่อบริษัท ผลตอบรับนี้มีความสำคัญ เพราะหมายถึงการที่บริษัทสามารถระดมทุนระยะยาวเพื่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของไทยยูเนี่ยนในเรด ล็อบสเตอร์ อีกทั้งยังบ่งบอกว่าตลาดให้การสนับสนุนกลยุทธ์ของไทยยูเนี่ยนเพื่อการเติบโตและขยายกิจการ” นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU กล่าว
ทั้งนี้ TU ใช้เงินทุนส่วนใหญ่ที่ได้จากการออกหุ้นกู้และวงเงินกู้ระยะยาวนี้เพื่อการเข้าซื้อกิจการมูลค่า 575 ล้านเหรียญสหรัฐ ( หรือประมาณ 2 หมื่นล้านบาท) ในเรด ล็อบสเตอร์ ซึ่งเป็นร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ ซึ่งได้มีการประกาศแจ้งข้อมูลไปในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของไทยยูเนี่ยน ในการสร้างช่องทางที่จะเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง