NOBLE ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่เกิน 2 โครงการปีนี้ รุกขยายฐานลูกค้าต่างชาติ
NOBLE ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่เกิน 2 โครงการในปีนี้ เน้นตลาดระดับบน-รุกขยายฐานลูกค้าต่างชาติ
นายศิระ อุดล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทวางแผนเบื้องต้นที่จะเปิดโครงการใหม่มากกว่า 2 โครงการ จากปีก่อนที่เปิดตัวไป 1-2 โครงการ โดยบริษัทมองภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมมีโอกาสเติบโตจากปีก่อนที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้น ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งมูลค่าที่ดินที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ลูกค้ามีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยก่อนที่ราคาจะวิ่งขึ้นไปมากกว่านี้ ซึ่งทำเลที่ยังมีความโดดเด่นในปีนี้มองว่ายังเป็นทำเลในกรุงเทพฯชั้นในที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม เพราะเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและการคมนาคมที่เพรียบพร้อม
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในปีนี้จะยังคงเน้นตลาดระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของบริษัท และเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในเรื่องการกู้ยืมสินเชื่อน้อยกว่ากลุ่มลูกค้าระดับล่าง โดยปัจจุบันอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของบริษัทถือว่าไม่มีเลย เพราะบริษัทให้ลูกค้าวางเงินดาวน์ 20% ของราคาขาย ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อการขอสินเชื่อของลูกค้า
สำหรับกลยุทธ์การขายในปีนี้บริษัทจะรุกขยายฐานกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 10% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อโครงการ ก่อนที่จะเริ่มนำโครงการไปเดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศเป็นครั้งแรก และที่ผ่านมาก็ไม่เคยตั้งเอเจนซี่ทำตลาดลูกค้าชาวต่างชาติมาก่อน แต่ลูกค้าต่างชาติเข้ามาซื้อโครงการเป็นการเข้าซื้อด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน อย่างไรก็ตาม ลูกค้าหลักราว 90% เป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศ
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม โนเบิล เพลินจิต มูลค่าโครงการ 1.8 หมื่นล้านบาท จำนวน 1,444 ยูนิต โดยปัจจุบันมียอดขายแล้ว 60% ซึ่งได้เริ่มมีการทยอยโอนไปแล้วเมื่อปลายปี 59 โดยส่วนที่เหลืออีก 40% จะทยอยขายให้หมด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะมีความต้องการซื่อมากหรือน้อยแค่ไหน และขณะนี้ราคาขายต่อตารางเมตรของโครงการดังกล่าวปรับขึ้นว่าเป็น 270,000 ต่อตารางเมตร จาก 140,000 ต่อตารางเมตร ตั้งแต่เปิดตัวโครงการไปเมื่อ 7 ปีก่อน ทำให้มูลค่าโครงการขยับขึ้นมาเป็น 1.8 หมื่นล้านบาท จากช่วงเปิดโครงการ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเห็นว่าทำเลย่านเพลินจิตเป็นทำเลที่มีศักยภาพและราคาที่ดินค่อยๆทยอยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง