ORI บวกแรง! ทำนิวไฮต่อเนื่อง โบรกฯมองกำไรปีนี้-ปีหน้าสูงสุด

ORI บวกแรง! ทำนิวไฮต่อเนื่อง โบรกฯมองกำไรปีนี้-ปีหน้าสูงสุด ล่าสุด ณ เวลา 10.33 น. ราคาอยู่ที่ 12.30 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 5.13% สูงสุดที่ 12.30 บาท ต่ำสุดที่ 12 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 9.59 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ณ เวลา 10.33 น. ราคาอยู่ที่ 12.30 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 5.13% สูงสุดที่ 12.30 บาท ต่ำสุดที่ 12 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 9.59 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.11%

 

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” ORI ราคาเป้าหมาย 13.62 บาท/หุ้น ทั้งนี้ภายหลังรับฟังแผนธุรกิจปี 60 ของบริษัท เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาดีมากนั้นยังไม่สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจนหมด นั่นคือ คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรปี 58-61 แบบ CAGR ที่เพิ่มโดดเด่นเป็น 59% ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่จัดตั้งบริษัทมาต่อเนื่อง

ขณะที่ยอดขายรอโอนรับประกันรายได้ในสัดส่วนที่สูงมากปี 60 และ 61 เป็น 77% และ 44% ตามลำดับ และ ล่าสุดเปิดเผยโครงการให้เช่าที่มีทำเลดีมากๆ ทั้งนี้ประเมินมูลค่าหุ้นด้วยราคาพื้นฐานใหม่ที่ 13.26 บาท ด้วยวิธี SOTP แบ่งเป็นมูลค่าโครงการที่อยู่อาศัย 12.60 บาท (ด้วย P/E ปี 60 ที่ 12 เท่า แต่จะลดเหลือ 8.9 เท่าในปี 61 และมูลค่าโครงการเช่าเฉพาะเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ ทองหล่อและโรงแรมที่แหลมฉบังอีก 0.66 บาท ด้วย IRR ที่ 11% และ WACC 8% ราคาปิดมีส่วนเพิ่มเทียบกับราคาพื้นฐานใหม่อีก 13% ผนวกกับคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปี 60 อีก 3.6% รวมเป็น 17%

สำหรับแผนธุรกิจปี 60 ตั้งเป้าการเปิดโครงการใหม่ และยอดขาย (presales) ที่ 15 (เพิ่มขึ้น 32%จากปีก่อน) และ 13 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20%จากปีก่อน) ตามลำดับ การเปิดโครงการใหม่ปีนี้จะมี คอนโดมิเนียม 8 โครงการ มีครบทุกแบรนด์ คือ Knights Bridge, Nothing Hill และ Kensington ส่วนโครงการแนวราบมีการขายเป็นครั้งแรก มูลค่า 700 ล้านบาท

โดยปรับประมาณการปี 59 ลง 6% สะท้อนรายได้โอนที่น้อยกว่าเดิมเป็น 3.56 พันล้านบาท จากเดิมที่ 3.8 พันล้านบาท เนื่องจากการโอนโครงการคาบานาทำได้ล่าช้า ได้รับใบอนุญาตการใช้อาคารในช่วงปลาย ธ.ค.59 แล้ว และบรรยากาศการโอนซบเซา ซึ่งอยู่ในช่วงไว้อาลัย แต่ปรับประมาณการปี 60 เพิ่ม 2% สะท้อนรายได้ปี 60 ที่คาดว่าจะทำได้ดีกว่าที่คาดไว้เดิมเป็น 6 พันล้านบาท จากเดิมที่ 5.9 พันล้านบาท และหากพิจารณาอัตราการเติบโตของกำไรรายปีเทียบจากปีก่อน ยังถือว่าสูงมาก ปี 59 และ 60 เป็น 75% และ 71% ตามลำดับ และเฉพาะ ไตรมาส 4/59 กำไรเป็น 357 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 186% จากปีก่อน, เพิ่มขึ้น 126% จากไตรมาสก่อน) และถือเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้คงคำแนะนำ ซื้อ จุดเด่นคือ คาดว่าอัตราการเติบโตกำไรปีนี้และปีหน้าสูงสุดในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย ส่วนครองตลาดคอนโดเพิ่มขึ้นมาตลอด มีพัฒนาการที่ดีในการขาย คือโครงการที่เปิดใหม่ปี 59 ค่าเฉลี่ยความคืบหน้าการขายเป็น 70% เทียบอุตสาหกรรมที่ 50%  อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate)ของบริษัท ต่ำกว่าอุตสาหกรรม ค่าเฉลี่ยเป็น 10% เทียบกับอุตสาหกรรม ปัจจุบันจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับสูงเป็น 20-30%  และมีเครื่องมือทางการเงิน ลดการกู้เงินจากโครงการ ด้วยการให้ผู้ลงทุนสามารถมาซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ในบางโครงการได้ และเมื่อมีกำไรจึงจะจ่ายปันผลออกไป เทียบกับการกู้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยแน่ๆ และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทจะไม่สูง

Back to top button