“สมชาย มีเสน” ผงาดนั่งประธานบอร์ด MAX จับตาซื้อ “พีพีทีซี” ขยายรายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย มีเสน เข้าเป็นประธานกรรมการ และอนุมัติแต่งตั้ง นายกมล ปิ่นทอง เข้าเป็นกรรมการแทนนาย พงษ์ดิษฐ พจนา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.60 เป็นต้นไป

 

นอกจากนี้ยังมีมติอนุมัติสละสิทธิการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท ราชบุรี-อีอีพี รีนิวเอเบิ้ล เอนเนอจี้ จำกัด (R-EEP) ที่ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ R-EEP ตามสัดส่วน 1:1 คิดเป็นจำนวนหุ้น 50,000,000 หุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 500 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งจากเดิมบริษัทถือหุ้นของ R-EEP จานวน 10,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของทุนชาระแล้วของ R-EEP

และบริษัทได้สิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ R-EEP จำนวน 10,000,000 หุ้น ซึ่งคณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นควรสละสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ R-EEP ในครั้งนี้ เนื่องจากเงินทุนที่บริษัทมีอยู่จะต้องสำรองไว้สาหรับการชำระค่าหุ้นของบริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) เพื่อป้องกันการถูกริบเงินมัดจำที่ได้วางไปแล้วจำนวน 100 ล้านบาท หากเจ้าหนี้สถาบันการเงินของ PPTC อนุมัติให้ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถโอนหุ้นให้กับผู้ลงทุนรายใหม่ได้ก่อนกำหนดที่บริษัทเคยแจ้งสารสนเทศผ่านระบบตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจไม่ลงทุนเพิ่มในหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะเจรจาขอเลื่อนการชำระค่าหุ้นเพิ่มทุน หากได้รับการพิจารณาอนุมัติให้เลื่อนการชำระเงินค่าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนได้ ทางบริษัทจะพิจารณาการเพิ่มทุนต่อไป ซึ่งผลจากการสละสิทธิไม่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นใน R-EEP ของบริษัทลดลงเหลือร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วของ R-EEP โดยสามารถสรุปการถือหุ้นของบริษัทใน R-EEP ได้เป็นดังนี้

รายการดังกล่าวถือเป็นรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทารายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ (รวมถึงประกาศที่แก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่อง การเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ.2547 (รวมถึงประกาศที่แก้ไขเพิ่มเติม)

ซึ่งเมื่อคำนวณตามเกณฑ์ต่างๆ โดยใช้มูลค่าสูงสุดที่คำนวณได้จากหลักเกณฑ์ใดหลักเกณฑ์หนึ่ง พบว่ามีขนาดรายการคิดเป็นร้อยละ 4.97 ตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทนตามงบการเงินรวมของบริษัทงวดล่าสุด (สำหรับงวดสิ้นสุด วันที่ 30 ก.ย.59) ซึ่งไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามหลักเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่เป็นการรายงานตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศ และการปฏิบัติการใดๆ ของบริษัทจดทะเบียนเท่านั้น