TSTH พุ่ง 7.62% ทำนิวไฮในรอบเกือบ 1 เดือน

TSTH พุ่ง 7.62% ทำนิวไฮในรอบเกือบ 1 เดือน ล่าสุด ณ เวลา 14.38 น. ราคาอยู่ที่ 1.13 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 7.62% สูงสุดที่ 1.13 บาท ต่ำสุดที่ 1.07 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 40.12 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 1.41 บาท รับอานิสงส์ราคาเหล็กฟื้นตัวแรงช่วงปลายปี 59


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ณ เวลา 14.38 น. ราคาอยู่ที่ 1.13 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 7.62% สูงสุดที่ 1.13 บาท ต่ำสุดที่ 1.07 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 40.12 ล้านบาท 

TSTH20170206

ด้าน เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.41 บาท/หุ้น โดยกำไรยังเติบโตดีต่อเนื่องในงวด 3Q59/60 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาเหล็กเส้นในประเทศที่ฟื้นตัวแรงช่วงปลายปี นอกจากนี้ฝ่ายวิจัยยังมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มกำไร 4Q59/60 รวมถึงปี 2560/61 โดยรวมเป็นผลให้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” และเลือกเป็น Top Pick กลุ่มเหล็กเวลานี้

โดยงวด ไตรมาส 3/59-60 (ต.ค.-ธ.ค. 59) มีกำไรสุทธิ 229 ล้านบาท Turnaround จากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 19%จากไตรมาสก่อนเนื่องจากได้รับผลบวกจากราคาเหล็กเส้นที่ขยับขึ้นตามราคาเหล็กโลก ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยดีขึ้น 4%จากไตรมาสก่อนเป็น 1.53 หมื่นบาท/ตัน ขณะที่การบริหารต้นทุนทำได้ดีมาก เพราะได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ผลิตด้วยเตาหลอมไฟฟ้า (EAF) ที่ใช้เศษเหล็กเป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งมีการปรับขึ้นของราคาที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ผลิตที่ใช้เหล็กแท่งยาว (Billet) ในการรีดเป็นเหล็กเส้น หนุน Gross Margin อยู่ในเกณฑ์ดีมากที่ 10.4% ส่วนปริมาณขายเหล็กแม้ลดลง 4%จากไตรมาสก่อนเหลือ 3.03 แสนตัน แต่ทำได้น่าประทับใจแล้วภายใต้สภาวะที่ยังได้รับผลกระทบจากช่วงปลายฤดูฝน และวันหยุดจำนวนมากสิ้นปี

ขณะที่ราคาเหล็กเส้นข้ออ้อย SD30 เดือน ม.ค. 60 ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 1.75 หมื่นบาท/ตัน เทียบกับ 1.6 หมื่นบาท/ตัน ในเดือน ธ.ค. 59 ทำให้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ากำไรงวด 4Q59/60 (ม.ค.-มี.ค. 60) จะทำได้ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท จึงปรับประมาณการปี 2559/60 เพิ่มขึ้น 32% อีกทั้งมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อกำไรปี 2560/61 หลังราคาเหล็กมีเสถียรภาพ จึงปรับราคาเหล็กเฉลี่ยเป็น 1.65 หมื่นบาท/ตัน และ Gross Margin ขึ้นจากเดิม 2.5% ซึ่งกระทบต่อคาดการณ์กำไรสุทธิมากคือเพิ่มขึ้น 127% เป็น 846 ล้านบาท

ทั้งนี้ฝ่ายวิจัย Rollover ไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2560/61 และเปลี่ยนวิธีการประเมินมูลค่าพื้นฐานมาอิง PER 14x เนื่องจากผลประกอบการที่สามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว ได้ราคาเหมาะสม 1.41 บาท มี Upside 34.3% ปรับคำแนะนำเพิ่มขึ้นเป็น “ซื้อ” และเลือกเป็น Top Pick กลุ่มเหล็กในเวลานี้

Back to top button