ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง”มัดแมน”คาดเข้าเทรด mai ใน Q2/60

ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง"มัดแมน"ผู้ดำเนินธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น คาดเข้าเทรด mai ใน Q2/60 โดยมี ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สาย Primary Distribution ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า หลังจากที่ บริษัท มัดแมน จำกัด (มหาชน) หรือ MM ได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 210,980,750 หุ้น ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นและแบบไฟลิ่งของ บมจ. มัดแมน เป็นที่เรียบร้อย

ทั้งนี้ บริษัทถือเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและไลฟ์สไตล์แบรนด์ระดับโลก โดยดำเนินธุรกิจในลักษณะโฮลดิ้ง คอมปานี ที่เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัทย่อย ในกลุ่มธุรกิจ 2 ประเภท คือ 1.ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์กับต่างประเทศ ได้แก่ ดังกิ้น โดนัท ,โอ บอง แปง และบาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ และที่ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ และครัวเอ็ม 2.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์’เกรฮาวด์’ ได้แก่ เสื้อผ้าแฟชั่น เครื่องประดับรวมถึงร่วมมือกับแบรนด์อื่น ๆ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เกรฮาวด์

ขณะที่ นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (MBKET) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,054,903,750 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,054,903,750 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยทุนที่ออกและชำระแล้วมีจำนวน 843,923,000บาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 210,980,750 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

สำหรับการเสนอขายหุ้น IPO แบ่งเป็น 2 ส่วน โดยในส่วนแรกจะเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นของ บมจ.ทรัพย์ศรีไทย  (SST) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MM ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน SST (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 105,490,375 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และ ส่วนที่สองจะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป ไม่เกิน 105,490,375 หุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SST

โดยภายหลังจากที่ ก.ล.ต. อนุมัติแบบไฟลิ่ง และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก บริษัทฯ และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจะร่วมกันกำหนดวันและราคาเสนอขายหุ้น IPO ต่อไป และคาดว่าจะนำ บมจ.มัดแมน เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้

ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและดำเนินงานทั่วไปของบริษัทฯ ใช้ชำระคืนเงินกู้ธนาคาร และลงทุนขยายธุรกิจ เช่น การขยายสาขาใหม่ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ปรับปรุงภาพลักษณ์สาขาเดิม ตลอดจนการขยายช่องทางกระจายสินค้าและการนำเสนอร้านค้ารูปแบบใหม่ เป็นต้น

ด้าน นายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของมัดแมน เปิดเผยว่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจไลฟ์สไตล์ของบริษัทฯ มีสาขารวม 439 สาขา แบ่งเป็นธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่ดำเนินกิจการภายใต้สัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์กับต่างประเทศจำนวน 3 แบรนด์ ได้แก่   1.ดังกิ้น โดนัท จำนวน 296 สาขา เพื่อผลิตและจำหน่ายโดนัทและเครื่องดื่มที่เน้นกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับกลางถึงบน

รวมทั้งมีบริการจัดเลี้ยงและออกร้าน 2.โอ บอง แปง จำนวน 71 สาขา เพื่อจำหน่ายเบเกอรี่ แซนด์วิช สลัด ซุป ที่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ จำหน่ายกาแฟระดับพรีเมียมรวมถึงเครื่องดื่มอื่น ๆ และ 3.บาสกิ้น ร็อบบิ้นส์ มีจำนวน 31สาขา จำหน่ายไอศกรีมนำเข้าระดับพรีเมียมที่คนไทยเข้าถึงได้ โดยบริษัทฯ มีแผนการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและพัฒนารูปแบบร้านที่ดึงดูดและตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค

ส่วนธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ตนเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ มีจำนวน 24 สาขา แบ่งเป็นสาขาในไทยที่บริษัทฯ ลงทุนเอง 13 สาขา และสาขาในต่างประเทศที่เป็นรูปแบบการขายแฟรนไชส์ในฮ่องกง  เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่งและมาเลเซีย รวม 11สาขา โดย เกรฮาวด์ คาเฟ่ แบ่งร้านอาหารเป็น 3 แบรนด์ ประกอบด้วย แบรนด์ ร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่ (Greyhound Cafe ) มีสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ

โดยเน้นเจาะกลุ่มนักศึกษาและคนทำงานที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงภายใต้คอนเซ็ป “Simple with Creative Twist” หรือ ความเรียบง่ายที่แฝงไปด้วยลูกเล่น ความสร้างสรรค์และความสนุกสนาน รวมถึงแบรนด์ ร้านอนาเธอร์ ฮาวด์ (Another Hound Cafe) ที่มีสาขาในไทย เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และคนทำงานที่มีรายได้สูงสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่พิถีพิถันในการใช้ชีวิตของคนเมือง ภายใต้คอนเซ็ป”Accessible Stylish Casual Italian with Asian Twist”

ส่วนแบรนด์ร้านครัวเอ็ม จะดำเนินธุรกิจรับบริหารศูนย์อาหารในโรงพยาบาล(Cafeteria) และบริการอาหารสำหรับผู้ป่วยใน (IPD Food Services) โดยเริ่มต้นดำเนินธุรกิจดังกล่าวที่โรงพยาบาลรามคำแหง และมีแผนที่จะขยายธุรกิจบริหารศูนย์อาหารในสถานที่ต่าง ๆ ไม่จำกัดเพียงแต่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่ยังพิจารณาในการขยายสาขาไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ เป็นต้นขณะที่ธุรกิจไลฟ์สไตล์ เน้นจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น เสื้อผ้าและเครื่องประดับ โดยมีจำนวน 16 สาขา

เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงมีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและผลักดันการเติบโตในอัตราที่สูงกว่าภาพรวมตลาด ดังนั้น เราจึงมีแผนลงทุนขยายธุรกิจที่ดำเนินการภายใต้สิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์และแบรนด์ของตนเอง ทั้งการขยายสาขาใหม่ เปิดตัวร้านรูปแบบใหม่ ปรับปรุงภาพลักษณ์สาขาปัจจุบัน เพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค และผลักดันการเติบโตตามเป้าหมาย” นายซาลฮานี กล่าว

ด้าน นางสาวหรรษา เสริมศรี รองประธานบริหารฝ่ายบัญชีและการเงินของบริษัท เปิดเผยว่า บริษัทมีจุดเด่นด้านวงจรเงินสดหมุนเวียนอยู่ในระดับที่ดี กล่าวคือ บริษัทรับรายได้เป็นเงินสดจากลูกค้าในทันทีแต่การจ่ายเงินคู่ค้าเป็นในลักษณะเครดิตทางการค้า ขณะเดียวกันธุรกิจของมัดแมนมีจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้าซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากได้ให้ความสำคัญกับการสร้างตราสินค้าและพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มกว่า 10 ปี เพื่อวางแผนพัฒนานวัตกรรมใหม่ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่ รูปแบบร้านที่มีความทันสมัย โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการวางแผนนำเสนอร้านค้าในรูปแบบใหม่และพัฒนากลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้เติบโต

ทั้งนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตในอนาคต ได้แก่ การมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง การควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบจนถึงการกระจายสินค้าไปถึงหน้าร้าน การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและรัดกุม การกระตุ้นยอดขายและเพิ่มการรับรู้แบรนด์โดยเน้นการทำตลาดผ่านสื่อดิจิทัล การสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ การขยายสาขาใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพ การปรับปรุงร้านค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า การมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรและรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ

Back to top button