ดีต่อใจ! 10 หุ้น mai พุ่งกระฉูดเดือนม.ค.

ดีต่อใจ! 10 หุ้น mai พุ่งกระฉูดเดือนม.ค. ชู UKEM,KOOL,T,OCEAN,TAPAC, DIMET,NPK,OTO,2S และ TVD รีเทิร์นเด่นเกิน20%


ดีต่อใจ! 10 หุ้น mai พุ่งกระฉูดเดือนม.ค. ชู UKEM,KOOL,T,OCEAN,TAPAC, DIMET,NPK,OTO,2S และ TVD รีเทิร์นเกิน20%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai เดือนมกราคม 2560 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.59-31 ม.ค.60 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเกิน 20% เท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเหล่านี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจ

ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มนี้ให้ผลตอบแทนชนะตลาดฯ mai โดยเทียบดัชนี ณ วันที่ 30 ธ.ค. 59 ที่ระดับ 616.27 จุด บวกไป 29.75 จุด หรือเพิ่มขึ้น 4.83% มาอยู่ที่ระดับ 646.02 จุด ณ วันที่ 31 ม.ค.60 โดยครั้งนี้มีหุ้นเข้าเกณฑ์ดังกล่าว 10 ตัว ประกอบด้วย UKEM,KOOL,T,OCEAN,TAPAC, DIMET,NPK,OTO,2S และ TVD

 หลักทรัพย์  30-ธ.ค.-59 31-ม.ค.-60  เปลี่ยนแปลง 
 บาท   % 
 UKEM            1.36           2.24      0.88    64.71
 KOOL            5.50           8.20      2.70    49.09
 T            0.12           0.17      0.05    41.67
 OCEAN            0.88           1.21      0.33    37.50
 TAPAC          30.25          41.50    11.25    37.19
 DIMET            2.60           3.46      0.86    33.08
 NPK          24.00          31.50      7.50    31.25
 OTO            5.10           6.65      1.55    30.39
 2S            6.85           8.55      1.70    24.82
 TVD            2.20           2.72      0.52    23.64

 

อันดับ 1 บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM ราคาหุ้นเดือนมกราคมปรับตัวอยู่ที่ระดับ 2.24 บาท (31 ม.ค.60) บวก 0.88 บาท หรือเพิ่มขึ้น 64.71% จากระดับ 1.36 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเนื่องจากหุ้นมีพื้นฐานแข็งแกร่งเห็นได้จากผลประกอบที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานักวิเคราะห์แนะให้เข้าเก็งกำไรยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นแรง

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า UKEM  Valuation ไม่แพงด้วย Trailing PE 15 เท่า ราคาเคมีภัณฑ์ปีนี้มีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้น (UKEM นำเข้าและจำหน่าย เคมีภัณฑ์ประเภทสารละลาย หรือ Solvent) พร้อมประเมินแนวรับ 2.04 บาท แนวต้าน 2.18 บาท หากผ่านแนวต้านดังกล่าวได้มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 2.5 บาท (Stop loss 1.97 บาท)

 

อันดับ 2 บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ราคาหุ้นเดือนมกราคมปรับตัวอยู่ที่ระดับ 8.20 บาท (31 ม.ค.60) บวก 2.70 บาท หรือเพิ่มขึ้น 49.09% จากระดับ 5.50 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงรอบใหม่หลังหุ้นย่ำฐาน 5 บาท มานาน ประกอบกับบทวิเคราะห์แนะให้ซื้อ เนื่องจากผลประกอบปี 60 มีแนวโน้มสดใสทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรง

บล.เคทีบี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7 บาท/หุ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมินรายได้ในปี 2560 จะเติบโตราว 40% จากปีก่อนปรับเพิ่มจากที่เคยคาดการณ์ไว้เดิมว่าจะเติบโตราว 38% จากปีก่อนเนื่องจากการเตรียมความพร้อมในช่วงฤดูขายของบริษัทจะทำให้เราคาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังประเมินรายได้แบบอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับ KOOL ที่ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2560 เติบโต 42% และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต 3 ปี ที่ผ่านมา ที่รายได้เฉลี่ยเติบโต 42% ต่อปี

นอกจากความพร้อมในการขายสินค้าในช่วงหน้าขายหลักแล้ว คาดว่าในปี 2560 ตลาดส่งออกจะมีโอกาสเติบโตได้ดีกว่าตลาดในประเทศ โดยปัจจุบัน KOOL มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ เวียดนาม ซึ่งเราคาดว่าในปีนี้ KOOL จะเร่งการทำตลาดในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อน รวมถึงการหาตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศเพิ่มรองรับการขายในช่วงที่ตลาดในประเทศอยู่ในช่วง low season เราคาดว่าสัดส่วนการรายได้จากการส่งออกในปี 2560 จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปี 2559 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 23% ทั้งนี้ เนื่องจากเรามีการปรับคาดการณ์รายได้เพิ่มขึ้น เราจึงมีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 4% เป็น 140 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปีก่อน

อย่างไรก็ตามยังคงจัดว่า KOOL เป็นหุ้นประเภท Growth Stock โดยฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิจะเติบโตระดับเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ เรามีการปรับราคาเป้าหมายปี 2560 ขึ้นเป็น 7 บาท จากเดิม 6.50 บาท โดยประเมินด้วย PER ราว 24 เท่า ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย PER กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือนและสำนักงาน + 1 SD ยังคงคำแนะนำ ซื้อ โดยระยะสั้นอาจยังมีปัจจัยกดดันจากผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 4/59 ที่ยังอยู่ในช่วง Low Season ก่อนจะกลับมามีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในงวด ไตรมาส1-2/60

 

อันดับ 3 บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ T บริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโดยครอบคลุมโครงการก่อสร้าง ทั้งที่เป็นอาคารโรงงาน คลังสินค้า อาคารสำนักงาน โรงพยาบาล ศูนย์การค้า อาคารที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม รวมถึงงานระบบประกอบอาคาร งานสาธารณูปโภค และงานติดตั้งเครื่องจักรต่างๆ

ราคาหุ้นเดือนมกราคมปรับตัวอยู่ที่ระดับ 0.17 บาท (31 ม.ค.60) บวก 0.05 บาท หรือเพิ่มขึ้น 41.67% จากระดับ 0.12 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากเป็นหุ้นขนาดเล็กและง่ายต่อการดันราคาทำให้ช่วงผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวแรง

 

อันดับ 4 บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN ดำเนินธุรกิจนำเข้าประกอบและผลิตชิ้นส่วนเพื่อใช้ประกอบผลิตภัณฑ์ โดยจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับประปาและสุขภัณฑ์

โดยราคาหุ้นเดือนมกราคมปรับตัวอยู่ที่ระดับ 1.21 บาท (31 ม.ค.60) บวก 0.33 บาท หรือเพิ่มขึ้น 37.50% จากระดับ 0.88 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวแรงเนื่องจากเป็นหุ้นขนาดเล็ก และง่ายต่อการดันราคาหุ้น ทำให้หุ้นปรับตัวขึ้นแรงในช่วงดังกล่าว

 

อันดับ 5 บริษัท ทาพาโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ TAPAC ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและประกอบชิ้นส่วนพลาสติกเพื่อใช้สำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็คโทรนิคส์ โดยในปี 2558 บริษัทได้เริ่มเข้าไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย

โดยราคาหุ้นเดือนมกราคมปรับตัวอยู่ที่ระดับ 41.50 บาท (31 ม.ค.60) บวก 11.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 37.19% จากระดับ 30.25 บาท (30 ธ.ค. 59) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงส่วนหนึ่งมาจากพื้นฐานบริษัทที่ทำกำไรอย่างโดดเด่น อีกทั้งเทคนิคหุ้นเป็นขาขึ้นยิ่งทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรอย่างหนาแน่น

ส่วนอันดับ 6-7 คือ DIMET,NPK,OTO,2S,TVD ตามลำดับ ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงส่วนหนึ่งมาจากความขาดหวังเรื่องผลประกอบการปีนี้ที่คาดว่าจะกลับสดใส อีกทั้งหุ้นส่วนใหญ่มีราคาถูกทำให้ง่ายต่อการดันราคาจึงทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรอย่างคึกคักในช่วงดังกล่าว

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button