KTC ตั้งเป้าปีนี้คุม NPL สินเชื่อบุคคลไม่เกิน 1%-บัตรเครดิตใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.2%

KTC คาดยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตปีนี้โตเกิน 15% พร้อมคุม NPL ใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.2%, ตั้งเป้าเพิ่มบัตรเครดิตใหม่ 4 แสนใบ เน้นขยายฐานลูกค้าในกทม.เพิ่มขึ้น – ตั้งเป้าสินเชื่อบุคคลโต 15% พร้อมคุม NPL ที่ระดับ 1%


นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือ 1.9 แสนล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.2% นอกจากนี้ตั้งเป้าเพิ่มบัตรเครดิตใหม่ในปีนี้ 4 แสนใบ จากปีก่อนที่ 3.4 แสนบัตร 

ปัจจุบัน KTC มีฐานบัตรเครดิตรวมกว่า 2 ล้านใบ โดยบัตรมีความเคลื่อนไหวเป็นสัดส่วนกว่า 80% ของบัตรทั้งหมด โดยในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นเจาะลูกค้าในกรุงเทพเพิ่มขึ้น หลังจากปีก่อนบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัดที่เป็นหัวเมืองใหญ่ เนื่องจากการใช้จ่ายผ่านบัตรของคนในกรุงเทพฯมีศักยภาพมากกว่าและมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ชัดเจน คาดว่าในปีนี้จะมีฐานลูกในกรุงเทพฯ 45% ต่างจังหวัด 55% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนต่างจังหวัดกว่า 60%

สำหรับแนวโน้มการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วงไตรมาส 1/60 คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังกำลังซื้อเริ่มกลับมาฟื้นตัวมากขึ้น ประกอบกับบริษัทได้ออกโปรโมชั่นในงานท่องเที่ยวทั่วไทยไปไกลทั่วโลก ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี มีอัตราการใช้จ่ายสูง ทั้งนี้ การใช้จ่ายส่วนใหญ่จะอยู่ในหมวดประกันชีวิต การท่องเที่ยว และการเติมน้ำมัน พร้อมกันนี้บริษัทเริ่มเห็นสัญญานการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น โดยได้เข้าร่วมกับพันธมิตรหลายรายเพื่อทำโปรโมชั่นส่งเสริมการใช้จ่าย

นายระเฑียร กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อบุคคลปีนี้เติบโต 15% โดยมาจากมีลูกค้าใหม่ที่ตั้งเป้าเพิ่มกว่า 1.6 แสนราย โดยมีกลุ่มลูกค้าเดิมกว่า 8.18 แสนราย พร้อมรักษาระดับ NPL สินเชื่อส่วนบุคคลให้อยู่ที่ระดับ 1% ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 0.9% สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 1/60 การปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลยังคงชะลอตัว คาดว่าจะเริ่มกลับมาได้ในช่วงไตรมาส 2/60 เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาวสงกรานต์ ที่ประชาชนจะมีการใช้จ่ายเงินสดเป็นพิเศษอีกทั้งคาดว่าจะใช้จ่ายในช่วงวันเปิดภาคเรียนของลูกหลานมากขึ้น

“ปีนี่เรายังคงมีแผนจะรักษา NPL รวมให้อยู่ที่ระดับ 1.7% เนื่องจากทางบริษัทฯมีการตรวจสอบถึงฐานการเงินของลูกค้าที่ค่อนข้างดี และดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด สำหรับแนวโน้มปีนี้เองเราก็เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ดีขึ้น จากการทำการตลาด และมีพันธมิตรที่ดี ประกอบกับแนวโน้มกำลังซื้อของประชาขนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งปกติแล้วบริษัทฯจะมีการเติบโตค่อนข้างมากในช่วงไตรมาส 2 และ ไตรมาส 4 ของปีอยู่แล้ว ซึ่งปีนี้ก็คงเป็นทิศทางเดียวกัน” นายระเฑียร กล่าว

Back to top button