LHK วางเป้าผลประกอบการปี 60-61 โตต่อเนื่อง เชื่อดันอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น
LHK วางเป้าผลประกอบการงวดปี 60-61 โตต่อเนื่องจากงวดปี 59/60 เชื่อดันอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น – มองอุตสาหรกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มดีจากโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ที่มีเพิ่มมากขึ้น
นายอนันต์ มนัสชินอภิสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โลหะกิจ เม็ททอล จำกัด (มหาชน) หรือ LHK เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการงวดปี 60/61 (เม.ย. 60-มี.ค.61) จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากงวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) เนื่องจากในปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าจะมียอดการผลิตทั้งหมดที่ 2 ล้านคัน หรือเติบโตราว 2-3% จากปีก่อน
ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างก็ยังมีแนวโน้มที่ดีจาก แผนการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และโครงการโทรคมนาคม ของภาครัฐ และในส่วนของชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยังมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี เนื่องจากยอดส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังประเทศต่างๆในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ไม่ว่าจะเป็นประเทศกัมพูชา เมียนมา และเวียดนาม ยังมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องด้วย
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 4-5% ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่ระดับ 3.05% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น ประกอบกับมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตมาโดยตลอด นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ปรับลดสัดส่วนการขายส่งลง เนื่องจากการขายส่งมีมาร์จิ้นที่ต่ำกว่า
“แผนงวดปี 60/61 เราคงยังคงพูดไม่ได้จนกว่าเราจะเสนอแผนเข้าที่ประชุมในช่วงปลายไตรมาส 4 แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงตั้งเป้ารักษาระดับอัตรากำไรสุทธิในระดับนี้ไว้ ด้วยการบริหารจัดการพอร์ตสินค้า และบริหารจัดการต้นทุน รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง”นายอนันต์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการงวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5% และกำไรสุทธิมากกว่า งวดปี 58/59 (เม.ย. 58-มี.ค.59) ที่มีรายได้ 3,208.22 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 97.69 ล้านบาท หลังงวด 9 เดือนแรกของปี 59 บริษัทมีรายได้แล้ว 2,418.17 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 120.61 ล้านบาท
“งวดปี 60/61 แนวโน้มผลประกอบการยังจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจหลักของเราไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้าง และชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จะเห็นได้จากงวดปี 59/60 ที่ปริมาณการขายมีการเติบโตถึง 10% แต่อย่างไรก็ตามรายได้อาจจะโตได้เพียง 5% เป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงทำให้ราคาขายต่อชิ้นปรับลดลงไปด้วย”นายอนันต์ กล่าว