กลุ่มการบินร่วงต่อ กูรูมองยังมีแรงซื้อคืน-ผลกระทบจาก ICAO มีจำกัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ณ เวลา 11.11น. ราคาอยู่ที่ 4.88 บาท ลบ 0.27 บาท หรือ 5.24% สูงสุดที่ 85.05 บาท ต่ำสุดที่ 4.82 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 250.15 ล้านบาท

ขณะที่ราคาหุ้นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ราคาอยู่ที่ 19.80 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 2.46% สูงสุดที่ 20 บาท ต่ำสุดที่ 19.80 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 5.67 ล้านบาท

ขณะเดียวกันราคาหุ้นบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ราคาทรงตัวอยู่ที่ 8.35 บาท สูงสุดที่ 11.10 บาท ต่ำสุดที่ 10.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 19.41 ล้านบาท

อีกทั้งราคาหุ้นบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ราคาทรงตัวอยู่ที่ 11 บาท สูงสุดที่ 11.10 บาท ต่ำสุดที่ 11 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 3.8 ล้านบาท

ส่วนราคาหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ราคาอยู่ที่ 278 บาท ลบ 2 บาท หรือ 0.71% สูงสุดที่ 283 บาท ต่ำสุดที่ 274 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 898.05 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.46%

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (31 มี.ค.) ทิศทางดัชนี SET คาดจะปรับตัวขึ้นได้แรงกว่าเมื่อวานนี้ โดยมีแนวต้านที่ 1506-1510 จุด ส่วนแนวรับที่ 1493-1489 จุด หลังจากมองปัญหาการห้ามเที่ยวบินจะเริ่มถูกแก้ไขอย่างเร่งด่วนจากรัฐบาล ประกอบมีความชัดเจนเรื่องการประมูล 4G ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกหลังหดตัวมาตั้งแต่เดือน มี.ค. 56

โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวขยายตัวถึง 29.6% เทียบ ม.ค. ที่16.3% นอกจากนั้นจะเป็นแรงหนุนจากดัชนีในต่างประเทศ คาดว่าแรงซื้อคืนหุ้นการบิน ,ท่าอากาศยานและสื่อสารจะเริ่มเข้ามาหลังดัชนีดิ่งลงแรงเมื่อวานนี้ จึงแนะนำ ซื้อเก็งเล่นรีบาวด์ AOT ,AAV และ NOK

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการที่องค์การการบินระหว่างประเทศ หรือ ICAO ได้เข้ามาตรวจมาตรฐานกรมการบินพลเรือนของไทย (บพ.) พบข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยเกี่ยวกับกระบวนการรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ ซึ่งจากการตรวจสอบมาตรฐานของบพ. ไม่ผ่าน ได้ส่งผลให้ประเทศญี่ปุ่น ,เกาหลี และจีนประกาศห้ามสายการบินสัญชาติไทยเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำเพิ่มจุดบิน และการเปลี่ยนขนาดเครื่องบินทำให้สายการบินสัญชาติไทยที่มีแผนจะเพิ่มเที่ยวบินเช่าเหมาลำในช่วง เม.ย. ไปยัง 3 ประเทศไม่สามารถทำได้

อย่างไรก็ตามจากการสอบถามไปยังสายการบินที่จดทะเบียนในตลาดผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากทำให้เสียโอกาสในช่วงการท่องเที่ยว ส่วนการบินแบบมีตารางบินยังคงเป็นปกติ แต่จะเพิ่มเที่ยวบินอาจทำไม่ได้

ทั้งนี้ AAV ในส่วนของการบินไปญี่ปุ่นและเกาหลี ทาง AAV ไม่มีเส้นทางบิน เนื่องจากระยะเวลาบินนานเกินไป สำหรับจีน AAV ได้มีการเปลี่ยนจากเช่าเหมาลำไปเป็นตารางบินก่อนหน้านี้แล้ว

ขณะที่ BA การให้บริการเช่าเหมาลำขึ้นอยู่กับช่วงเวลาแต่ในช่วงนี้ BA ไม่มีการให้บริการเช่าเหมาลำมีแต่เที่ยวบินที่เป็นตารางบิน

ขณะเดียวกัน NOK การบินไปญี่ปุ่นและเกาหลี ทาง NOK ไม่มีเส้นทางบิน เนื่องจากระยะเวลาบินนานเกินไป แต่มีการให้บริการเช่าเหมาลำไปจีน และจะได้รับผลกระทบจากบริษัทย่อย NokScoot ที่มีแผนจะบินไปจีน ,ญี่ปุ่น ,เกาหลี ซึ่งยังให้บริการเช่าเหมาลำ ก่อนที่จะบินแบบมีตารางบิน ซึ่งก็จะแก้ไขด้วยการใช้สิทธิการบินของ Scoot แทน

อีกทั้ง THAI ในแต่ละปีจะมีรายได้จากการให้เช่าเหมาลำน้อยมากราว 100 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้บริการที่ 1.88 แสนล้านบาท

ส่วน AOT จะได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเที่ยวบินเช่าเหมาลำคิดเป็นเพียง 2-3% ของเที่ยวบินทั้งหมด เช่นเดียวกับผู้โดยสารที่มาจากการเช่าเหมาลำที่มีสัดส่วนราว 2-3% ของผู้โดยสารทั้ง หมด

สำหรับปัญหาดังกล่าวจะเป็นในระยะสั้น โดยมองรัฐบาลจะหาวิธีการแก้ไขเพื่อให้ได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมองว่าปัญหาดังกล่าวถือเป็นปัญหาใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องหาแนวทางแก้ไขที่รวดเร็วและน่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววัน โดยคาดว่าจะกระทบในระยะสั้น แม้อาจมีความเสี่ยงที่จะมีประเทศอื่นๆ ประกาศในทำนองเดียวกับ 3 ประเทศ แต่มองในระยะยาวน่าจะได้รับการแก้ไขให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ยังคงราคาพื้นฐานของบริษัทต่างๆ ไว้ Top Pick ยังคงเป็น AAV ราคาพื้นฐาน 6.30 บาท