FSS ลั่นปีนี้รายได้โต 30% เตรียมผนึกโบรกฯเกาหลีบริการนวัตกรรมเทรดใหม่
FSS ลั่นปีนี้รายได้โต 30% เตรียมผนึกโบรกฯเกาหลีบริการนวัตกรรมเทรดใหม่
นายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้เติบโตราว 20-30% จากปีก่อน เนื่องจากธุรกิจรายย่อยมีแผนที่จะเพิ่มปริมาณการซื้อขายหุ้น (Volume) ของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนวอลุ่มเทรดราว 20% ของวอลุ่มทั้งหมด ขณเดียวกันก็วางเป้าหมายเป็นโบรกเกอร์รายย่อยอันดับ 1 ในปีนี้
ประกอบกันนั้นจะเพิ่มวอลุ่มเทรดในใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants) ซึ่งคาดจะติดอันดับ TOP 3 และเพิ่มวอลุ่มเทรดในสินค้า Single Stock Futures จากการจัดทำ Single Stock Futures Block Trade ซึ่งคาดว่าจะมีกำไรจากตราสารอนุพันธ์ในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
“trend ในปี 60 ตลาดทุนสากลเป็นยุคของฟินเทค หรือเทคโนโลยี ที่น่าจะถูกนำมาใช้มากขึ้น โดยเราก็จะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีด้วย ซึ่งคาดหวังว่าจะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดทุนในเรื่องนี้ ขณะที่ตราสารอนุพันธ์ นักลงทุนถือว่ามีความรู้ในการลงทุนมากขึ้น ทาง FSS ก็จะมุ่งเน้นการทำธุรกรรมดังกล่าวมากขึ้น และจะส่งเสริมธุรกิจรายย่อย วางเป้าเป็นโบรกเกอร์รายย่อยอันดับ 1 ในปีนี้”นายช่วงชัยกล่าว
ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ระดับ 300-500 ล้านบาทเพื่อใช้ลงทุนพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ โดยเตรียมเซ็นสัญญากับบริษัทหลักทรัพย์ Kiwoom ซึ่งเป็นโบรกเกอร์อันดับ 1 ของเกาหลีใต้ในการนำระบบซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น iSmart มาต่อยอดบริการซื้อหลักทรัพย์ผ่านระบบ HTS และ MTS เพื่อเน้นเจาะกล่มลูกค้ารายย่อย คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือน ธ.ค.นี้ อีกทั้งจะใช้ลงทุนในบริการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ด้วย
สำหรับแหล่งเงินลงทุนนั้น บริษัทเตรียมขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย.นี้ กำหนดวงเงินออกหุ้นกู้ไม่เกิน 1 พันล้านบาท อายุไม่เกิน 10 ปี เพื่อใช้เพิ่มสภาพคล่อง หรือใช้ชำระหนี้ หรือใช้เพื่อเป็นเงินลงทุนเพื่อการดำเนินกิจการของบริษัท หรือใช้ในการขยายธุรกิจ
ส่วนงานด้านวาณิชธนกิจ บริษัทคาดปีนี้จะมีงานที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จำนวน 2-3 บริษัท และผ่าน FA อื่นอีก 2 บริษัท รวมถึงร่วมกับ บมจ.ฟินันซ่า (FNS) ในการเป็นผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (อันเดอร์ไรท์เตอร์) ราว 1-2 บริษัท ซึ่งในปีนี้การนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะเห็นความหลากหลายของอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น สถาบันการศึกษา ,สโมสรฟุตบอล เป็นต้น
นายช่วงชัย กล่าวว่า ขณะที่การลงทุน 45% ในบล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด (SBITO) ในปีนี้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจ จากการเพิ่มวอลุ่มเทรด โดยจะพึ่งสถาบันเข้ามาลงทุนให้มากขึ้น และคาดว่ากลางปีนี้จะสามารถหยุดการขาดทุนได้ หลังจากที่ผ่านมายังคงมีผลขาดทุนอย่างต่อเนื่อง