STHAI แบ่งขายหุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะ 24.25% มูลค่า 242.5 ลบ.
STHAI แบ่งขายหุ้นธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะ 24.25% มูลค่า 242.5 ลบ.
บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) หรือ STHAI เปิดเผยว่า บริษัทจะขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัท นอร์ทเมทิร์น รีนิวเอเบิ้ล เอเนอร์จี้ (NRE) จำนวน 2,424,750 หุ้น หรือคิดเป็น 24.25% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NRE ให้กับนายอภิชาติ สุวรรณ
ทำให้จากเดิมที่ STHAI ถือหุ้นอยู่ใน NRE จำนวน 4,824,750 หุ้น หรือคิดเป็นอัตราส่วน 48.25% ทำให้จำนวนหุ้นที่ STHAI คงเหลือถืออยู่ใน NRE จำนวน 2,400,000 หุ้นหรือคิดเป็น 24% ทั้งนี้ เป็นการขายในราคาหุ้นละ 100 บาท รวมมูลค่าที่จำหน่าย 242,475,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน NRE ยังมีลูกหนี้ค่าหุ้นอีก 179.00 ล้านบาท อย่างไรก็ดี NRE ได้มีการติดตามทวงถามไปยังผู้ถือหุ้น เพื่อให้ชำระค่าหุ้นให้ครบภายในวันที 30 มิ.ย.60
ทั้งนี้ NRE มีทุนจดทะเบียน 426.00 ล้านบาท ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,000.00 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานชีวมวลครบวงจรรวมถึงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากชีวมวล และจากขยะ NRE ยังมีเป้าหมายในการดำเนินการธุรกิจขนย้าย และบริหารจัดการขยะเต็มรูปแบบในอนาคตเพื่อตอบสนองนโยบายการรักษาสิ่งแวดล้อมของทางภาครัฐและเพื่อตอบสนองสังคมในการผลิตพลังงานทดแทนจากวัสดุเหลือใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
การขายหุ้นดังกล่าวทำให้ STHAI สามารถเพิ่มกระแสเงินสดที่จะใช้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการโรงผลิตกระแสไฟฟ้ จากพลังงานชีวมวลที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้ามาใช้ภายในโรงงาน และยังสามารถนำเอาไอน้ำที่เหลือจากการผลิตไฟฟ้าไปใช้ในการผลิตถุงมือยางได้
เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมากระบวนการผลิตถุงมือยางต้องหยุดการผลิตบ่อยครั้ง เพราะสาเหตุจากการจ่ายกระแสไฟฟ้าที่ไม่คงที่ ทำให้การเดินเครื่องการผลิตไม่สม่ำเสมอ และบางครั้งเกิดความเสียหายทั้งวัตถุดิบและเสียเวลาในการเริ่มต้นผลิต ซึ่งโครงการโรงผลิตกระแสไฟฟ้าจะทำให้ต้นทุนการผลิตลดต่ำลงมาก ทั้งหากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้จัดเปิดประมูลจัดซื้อไฟฟ้าเมื่อใด STHAI สามารถยื่นแข่งขันราคาและจำหน่ายไฟฟ้าได้อีกทันที
นอกจากนั้น ยังทำให้ STHAI มีสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจผลิตถุงมือยาง โดยมีเงินหมุนเวียนภายในบริษัทเพิ่มขึ้น และเนื่องจากการจำหน่ายเงินลงทุนดังกล่าวของ STHAI ไม่ได้เป็นการจำหน่ายไปทั้งหมด โดยเงินลงทุนที่ยังเหลืออยู่ในอัตรา 24% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ NRE ยังถือเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก และโรงไฟฟ้าชีวมวล ซึงหลังจากที่โครงการของ NRE ดำเนินการได้แล้วจะเป็นธุรกิจที่มีรายได้และกระแสเงินสดที่มั่นคงจากเดิมที่ STHAI มีธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงมือยางเท่านั้น
ทั้งนี้ STHAI จะนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหุ้นสามัญของ NRE จำนวน 242.48 ล้านบาท มาใช้ในการลงทุนโครงการโรงผลิตกระแสไฟฟ้า 200.00 ล้านบาท และอีก 42.48 ล้านบาท มาเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ