XO หวังรายได้ปี 60 โต 5% จากปีก่อน หลังรง.ใหม่ยังผลิตได้ไม่เต็มที่
XO หวังรายได้ปี 60 โต 5% จากปีก่อน หลังรง.ใหม่ยังผลิตได้ไม่เต็มที่
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้เติบโตราว 5% จากปีก่อน หลังโรงงานแห่งใหม่ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ที่ตั้งอยู่ในนิคมอมตะซิตี้ จ.ระยอง แม้จะเริ่มผลิตสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มในช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว แต่ยังพบปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการและขั้นตอนการผลิต เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่เทคโนโลยีใหม่ที่ทันสมัยกว่าโรงงานเดิมมาก ทำให้บริษัทยังไม่สามารถดำเนินการผลิตสินค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นข้อจำกัดในการรุกตลาดส่งออกเพิ่มอย่างเต็มกำลังได้
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการแก้ปัญหาในทุกจุดอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถผลิตเชิงพาณิชย์อย่างมีประสิทธิภาพได้เร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้ สนับสนุนให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว เพื่อรุกตลาดซอสปรุงรสและน้ำจิ้มให้เพิ่มขึ้น และจะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันให้ยอดขายเติบโตในอนาคต
“หลังจากแก้ปัญหาในโรงงานใหม่แล้วเสร็จ จะสนับสนุนให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว และสามารถจัดส่งสินค้าได้รวดเร็วทันกับความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนยอดขายให้เติบโตขึ้นได้ รวมทั้งการออกงานแสดงสินค้า การหาตัวแทนจำหน่าย และเปิดตัวสินค้าใหม่ อย่างไรก็ตาม จากข้อจำกัดในเรื่องกำลังการผลิตซึ่งเกิดจากโรงงานใหม่ยังผลิตได้ไม่เต็มที่ จึงตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 5%”นายจิตติพร กล่าว
นายจิตติพร กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในปีนี้จะยังคงดีอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมการเติบโตของอาหารไทยและซอสปรุงรสที่ได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ เป็นโอกาสของบริษัทในการบุกตลาดและมีความต้องการซื้อสินค้ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียอดขายจากการส่งออก 99% โดยปลายปีที่ผ่านมา กลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มที่เป็นรายได้หลักของบริษัท มีสัดส่วนประมาณ 66% ของรายได้ทั้งหมด
สำหรับผลประกอบการงวดปี 2559 บริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 878.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มจากวัตถุดิบธรรมชาติ และสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่าง ๆ ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 77.47 ล้านบาท ลดลง 9.75% จากปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายสินค้าและการส่งเสริมการขายที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายในการบริหารก่อนเริ่มดำเนินงานของโรงงานแห่งที่ 2 ค่าเช่าคลังสินค้า การทำลายสินค้าที่เสื่อมสภาพหรือไม่ได้มาตรฐาน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งเกิดจากการที่บริษัท ได้ขอยกเลิกการส่งเสริมการลงทุน สำหรับการผลิตในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบังในไตรมาส 2/59
“ผลงานปี 59 ที่ผ่านมา รายได้ที่เพิ่มขึ้น 18.66% ถือเป็นการเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากการจำหน่ายสินค้าในปีที่ผ่านมารวมทั้งสิ้น 12,816 ตัน เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า โดยมียอดขายเป็นสกุลเงิน ยูโร 7% สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 36% และสกุลเงินบาท 57% เป็นผลจากความพยายามลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยให้ลูกค้าเปลี่ยนยอดขายจากสกุลเงินยูโรเป็นเงินบาทให้ได้มากที่สุด” นายจิตติพร กล่าว