TFG บวก 4.10% หลังงบปี 59 พลิกมีกำไร! ลุ้นปีนี้โตต่อเนื่องตามกลยุทธ์ “MV3”
TFG บวก 4.10% หลังงบปี 59 พลิกมีกำไร! ลุ้นปีนี้โตต่อเนื่องตามกลยุทธ์ “MV3” ล่าสุด ณ เวลา 14.48 น. ราคาอยู่ที่ 6.35 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ 6.35 บาท ต่ำสุดที่ 6.15 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 49.25 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ณ เวลา 14.48 น. ราคาอยู่ที่ 6.35 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ 6.35 บาท ต่ำสุดที่ 6.15 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 49.25 ล้านบาท
โดยTFG รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 1.45 พันลบ. จากปีก่อนขาดทุน 1.57 พันลบ. โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวพลิกกำไรเนื่องจาก รายได้จากธุรกิจไก่และสุกรเพิ่มขึ้น โดยในปี 59 รายได้ขายสุกรมีจำนวน 5.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.73 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งราคาสุกรในปี 59 เท่ากับ 63.35 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่เท่ากับ 59.59 บาทต่อกิโลกรัม และปริมาณการขายสุกรในปี 59 มีจำนวน 75,806.44 ตัน เพิ่มขึ้นจากในปี 58 ที่มีจำนวน 65,528.20 ตัน สาเหตุหลักมาจากกาลังการผลิตและการจาหน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ TFG-W2 จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ที่มีชื่อปรากฏในวันที่ 3 พฤษภาคม 2560จำนวน 510,866,470หุ้น อัตราส่วน 10 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ ราคาการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญ9.50 บาทต่อหุ้น
ด้านนายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ TFG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 60 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณการผลิตไก่ สุกร อาหารสัตว์ ที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มสัดส่วนของสินค้าที่มีกำไรขั้นต้น อีกทั้งราคาวัตถุดิบที่น่าจะปรับตัวลดลงดีกว่าปีที่ผ่านมา จะช่วยให้รายได้และกำไรของบริษัทในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ให้เป็นปีแห่งการเติบโต หรือ “Year of Growth”
สำหรับยุทธศาสตร์ดังกล่าวใช้สูตร MV3 (Market Value = Margin X Volume X Velocity X Value) และ Focus on ROE หลังจากปี 59 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทเทิร์นอะราวด์ได้ตามแผน จากการควบคุมต้นทุนการผลิตทั้งวงจร ต้นทุนวัตถุดิบ เพิ่มประสิทธิภาพและผลการผลิต ประกอบกับ การบริหาร Value Chain และ Economy of Scale และ ปรับโครงสร้างการบริหาร เพื่อควบคุม ต้นทุนขาย และบริหารไม่ให้เพิ่มขึ้น แต่รายได้เพิ่มขึ้น
นายเชิดศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทได้จัดเตรียมแผนการขยายธุรกิจโดยใช้กลยุทธ์สร้างพันธมิตร และลงทุนต่ำในสินทรัพย์ถาวร (Asset-Light Partnering Strategy) หลังจากในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าร่วมลงทุนในกิจการ “บิ๊ก ฟู้ดส์” ในสัดส่วน 75% มูลค่าลงทุน 60 ล้านบาท ผลิตไก่เข้าสู่ตลาดภูธร วันละ 40,000 ตัว และมีแผนงานเพิ่มไก่เป็นวันละ 60,000 ภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่ล่าสุดคณะกรรมการบริษัท อนุมัติให้ตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อ ไทย ซิลเวอร์ ฟู้ดส์ จำกัด ระหว่าง บริษัท ไทยฟู้ดส์ 70% และ บริษัท ซิลเวอร์ ฟาร์ม 30% ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจรอบเลี้ยงไก่เพิ่มอีก 2 ล้านตัว เพื่อขายอาหารสัตว์และลูกไก่ และจ้างเหมาชำแหละไก่ เพิ่มวันละ 20,000 ตัวในเดือน เม.ย.และเพิ่มเป็น 40,000 ตัวต่อวันภายในไตรมาส 3 ในพื้นที่จังหวัดสระบุรี เพื่อขายไก่ชำแหละสู่ภาคเหนือและภาคอีสานให้กับ สาขาต่างจังหวัด และโมเดิร์นเทรด เพื่อลดต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง
บริษัทจะร่วมลงทุนกับพันธมิตรธุรกิจเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยผลักดันรายได้และพื้นที่ขายให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสินค้าสุกรในปีนี้มีเป้าหมายยอดขายเดือนละ 73,000 ตัว รวมเวียดนาม 7,500 ตัวต่อเดือน เพิ่มขึ้นประมาณ 15% จากปีที่แล้ว ขณะนี้บริษัทกำลังก่อสร้างโรงชำแหละสุกรเพิ่มที่ขอนแก่นและชลบุรี เพื่อขยายฐานการขายสุกรชำแหละปีนี้เข้าสู่โมเดิร์นเทรดและพันธมิตร เช่น บริษัท หมูอินเตอร์ ในภาคเหนือ และภาคอีสาน เพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาขายเฉลี่ยขอสินค้าสุกร โดยมีเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้รายได้จากสุกรชำแหละจะเพิ่มเป็น 40% และสุกรเป็นจะลดลงเป็น 60% ของรายได้จากสุกร