SQ บวก 4.63% หลังงบปี 59 โตกระฉูด! ตุน backlog กว่า 3.9 หมื่นลบ.
SQ บวก 4.63% หลังงบปี 59 โตกระฉูด! ตุน backlog กว่า 3.9 หมื่นลบ. ล่าสุด ณ เวลา 10.52 น. ราคาอยู่ที่ 5.65 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.63% สูงสุดที่ 5.70 บาท ต่ำสุดที่ 5.40 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 161.85 ล้านบาท โบรกฯ แนะ “ซื้อ” ชูเป้า 6.40 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ณ เวลา 10.52 น. ราคาอยู่ที่ 5.65 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 4.63% สูงสุดที่ 5.70 บาท ต่ำสุดที่ 5.40 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 161.85 ล้านบาท
นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2559 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้นจำนวน 323 ล้านบาท เติบโต 264% จากงวดปี 2558 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 88 ล้านบาท
โดยงวดปี 2559 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,890 ล้านบาท เติบโต 55% จากงวดปี 2558 ที่มีรายได้รวม 1,867 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทยังมีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับ 828 ล้านบาท เติบโต 59% จากงวดปี 2558 ที่บริษัทมีกำไรขั้นต้นจำนวน 489 ล้านบาท
ทั้งนี้ การเติบโตของภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2559 มาจากรายได้โครงการเหมืองแม่เมาะ โครงการที่ 8 จำนวน 897 ล้านบาท รายได้จากโครงการที่ 7 และ 7.1 จำนวน 1,238 ล้านบาท รวมไปถึงรายได้จากเหมืองหงสา ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวอีกจำนวน 731 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผลประกอบการงวดไตรมาส 4/59 มีรายได้รวมจำนวน 892 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 176 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 683 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 111 ล้านบาท และยังฟื้นตัวขึ้นแรงจากงวดไตรมาส 3/59 ที่มีรายได้รวมจำนวน 645 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 12 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถทำงานได้ปกติหลังจากสิ้นสุดฤดูฝนและสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่สำคัญ เช่น ค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
“ผลประกอบการของบริษัทและกำไรสุทธิที่ดีขึ้น สะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโต และบริษัทจะยังคงเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมุ่งเน้นที่จะรับงานรับเหมาขุดขนโครงการเหมือง เพราะเป็นงานเฉพาะด้านที่มีอัตรากำไรค่อนข้างสูง” นายศาศวัต กล่าว
นายศาศวัต กล่าวอีกว่า ล่าสุดบริษัทได้รับงานเหมืองดีบุกที่เหมืองเฮนดรา ซึ่งตั้งอยู่ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยบริษัทจะเข้าไปขุดหน้าดินและแร่ดิบ รวมทั้งการจัดการแร่ดิบ ภายใต้มูลค่าสัญญากว่า 3,672 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 7 ปี
ดังนั้น จากการเข้ารับงานเหมืองดีบุกที่เหมืองเฮนดราในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีรายได้ที่แน่นอนตกปีละประมาณกว่า 500 ล้านบาท ประกอบกับทางบริษัทยังมีแบ็กล็อกในมือแล้วกว่า 39,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นแบ็กล็อกสูงที่สุดในประวัติการดำเนินธุรกิจกว่า 46 ปี
นอกจากนี้ ในช่วงอนาคตทางบริษัทยังคงมุ่งเน้นในการรับงานรับเหมาขุดขนโครงการเหมืองแร่ เพราะถือเป็นงานเฉพาะด้านและมีอัตรากำไรระดับสูง ประกอบกับยังมีงานต่อเนื่องระยะยาวระดับ 7-10 ปี และมีคู่แข่งน้อยราย ซึ่ง SQ มีจุดแข็งในด้านบุคลากรที่เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูง ส่งผลทำให้บริษัทมีโอกาสได้ชนะการประมูลงานต่างๆ ในอนาคตได้
ด้านบล.เคทีบี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท/หุ้น โดยมองแนวโน้มผลประกอบการของ SQ จะเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 2 ปี โดยคาดกำไรในช่วงต้นปีจะสามารถยืนอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่องจากแนวโน้มการรับรู้ฐานรายได้ของโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/59 ขณะที่เราคาดตั้งแต่ช่วงกลาง – ปลายไตรมาส 2/60 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการเหมืองดีบุกในพม่าซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ได้อีกปีละกว่า 500 ล้านบาท
โดยฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรทั้งปีในปีนี้ขึ้น 43% เป็น 485 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50.4%จากปีก่อน) เพิ่มขึ้นจากการปรับสมมติฐานปริมาณขุดดินและถ่านหินที่สูงขึ้นในโครงการแม่เมาะ 8 ราว 20% ขณะที่ในปีถัดไปคาดจะเติบโตได้ที่ 630 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 30%จากปีก่อน) ซึ่งเป็นผลมาจากการลงเครื่องจักรใหญ่เพื่อขุดดินอย่างเต็มประสิทธิภาพในงานแม่เมาะ 8
ทั้งนี้มอง SQ มีความน่าสนใจเนื่องจากเป็นบริษัทรับเหมาที่ยังมีรายได้ค่อนข้างมั่นคงต่อเนื่องระยะยาว โดย ณ สิ้นปี 2016 บริษัทมี backlog รอรับรู้รายได้กว่า 38,562 ล้านบาทที่จะถูกทยอยรับรู้เป็นรายได้ถึง 9 – 10 ปี ขณะที่บริษัทมีโครงการขนาดเล็กที่อยู่ระหว่างการลงนาม 1 โครงการคือโครงการทำลานเทกองถ่านหินของโรงไฟฟ้าเซกองในประเทศลาว (คาด backlog ประมาณ 1 พันล้านบาท) ขณะที่เราคาดจะมีการประมูลโครงการแม่เมาะเฟส 9 ที่น่าจะมีขนาดโครงการสูงถึง 3 หมื่นล้านบาทที่น่าจะเริ่มประมูลได้กลางปีนี้ซึ่งจะทำให้ฐานกำไรของ SQ เติบโตขึ้นไปอีกระดับ ซึ่งเรายังไม่รวมไว้ในประมาณการและจะเป็น upside ให้กับ SQ หากสามารถชนะการประมูลในโครงการดังกล่าวได้