TSR ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิปีนี้ที่ 7% หลังตั้งสำรองลดลง-คุม NPL

TSR ตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 7% จาก 4% ในปีก่อน หลังตั้งสำรองลดลง-คุม NPL ต่ำกว่า 4% เล็งให้บริการสินเชื่อบุคคลเดือน เม.ย.นี้


นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR คาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะกลับมาที่ระดับ 7% จากระดับ 4% ในปีก่อน เนื่องจากการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญในปีนี้จะลดลงอย่างมากจากปีก่อนที่ตั้งสำรองฯกว่า 235 ล้านบาท ขณะที่วางเป้าหมายจะควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้ต่ำกว่าระดับ 4% ในปัจจุบัน จากการปรับกลยุทธ์ลดเวลาการผ่อนชำระสินค้าจากเดิมที่ 25 เดือน เหลือ 13 เดือน อีกทั้งยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 จะดีกว่าไตรมาส 4/59 เนื่องจากกำลังซื้อมีการปรับตัวดีขึ้น

สำหรับทั้งปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตมาที่ราว 2 พันล้านบาท จากระดับ 1.86 พันล้านบาทในปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามแผนการเปิดสาขาใหม่ในประเทศอีก 5 สาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุนสาขาละ 1 ล้านบาท จากปัจจุบันมี 20 สาขาทั่วประเทศ  โดยแห่งแรกคาดจะเปิดให้บริการได้ที่จ.เพชรบูรณ์

นอกจากนี้ยังขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ร่วมทุน 49% จัดตั้งบริษัท ทีเอสอาร์ ลาว จำกัด ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องกรองน้ำและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งคาดจะสามารถเปิดสาขาแรกอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ทดลองจำหน่ายสินค้าบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า คาดว่ายอดขายในลาวจะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับคู่แข่งค่อนข้างน้อย และบริษัทมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากประเทศลาวแล้ว บริษัทก็มีความสนใจที่จะขยายสาขาไปยังประเทศอื่น ๆ ในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยคาดจะเห็นความชัดเจนราว 1 ประเทศในปีนี้

ส่วนธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ที่ดำเนินการภายใต้ บริษัท เธียร์สุรัตน์ ลีสซิ่ง จำกัด เตรียมเปิดให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) และรับจำนำเล่มทะเบียนรถ ในเดือนเม.ย.นี้ โดยบริษัทตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปีนี้ราว 30-40 ล้านบาท หรือรายละ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าในมือมากกว่า 5 แสนรายที่จะสามารถทำตลาดได้ทันที

นอกจากนี้ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า บริษัทได้มีการเพิ่มสินค้าใหม่ ทั้งตู้เย็น ทีวี เป็นต้น โดยล่าสุดได้มีการขายผ่านช่องทางโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจจากฐานลูกค้า และมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ บริษัทจึงได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายโดยการทำตลาดออนไลน์ เช่น การจำหน่ายผ่านเฟสบุ๊ค และไลน์  ภายใต้แคมเปญ “ผ่อนสบาย” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ทำให้ปีนี้บริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มเป็น 15% จากปีก่อนที่ 8%

“ในปี 60 บริษัทมุ่งเน้นในการเพิ่มและพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งการขยายสาขา และการให้ความสำคัญกับการขยายการขายผ่านแคมเปญ “ผ่อนสบาย” อีกทั้งบริษัทยังมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ในการขายสินค้าที่หลากหลายให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญ บริษัทได้เพิ่มมาตรการในการคุ้มเข้ม และการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ดังนั้นจึงคาดว่าปัญหาหนี้สูญจะเริ่มดีขึ้น จนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และคาดว่าตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 60 เป็นต้นไป หนี้สูญของบริษัทจะกลับมาอยู่ในระดับปกติได้” นายวิรัช กล่าว

 

 

Back to top button