PTTGC ศึกษาปรับสัดส่วนวัตถุดิบรับปริมาณก๊าซอ่าวไทยลด-ราคาน้ำมันต่ำ
PTTGC ศึกษาปรับสัดส่วนวัตถุดิบรับปริมาณก๊าซอ่าวไทยลด-ราคาน้ำมันต่ำ โดยศึกษาโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ มีมูลค่าลงทุนประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า บริษัทศึกษาการปรับสัดส่วนการใช้วัตถุดิบที่มาจากก๊าซธรรมชาติ(Gas base) กับการใช้แนฟทา(Naphtha Base)ที่อิงราคาน้ำมัน จากปัจจุบันที่การผลิตโอเลฟินส์ของบริษัทใช้วัตถุดิบจากก๊าซฯเป็นหลัก แต่ขณะนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันมีแนวโน้มจะอยู่ในระดับต่ำต่อไป ทำให้ข้อได้เปรียบที่เคยเป็นผู้ผลิตปิโตรเคมีจากก๊าซฯมีไม่มากแล้ว ประกอบกับปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยมีแนวโน้มที่จะลดลงในช่วง 7-8 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ปัจจุบัน PTTGC มีกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ รวม 8.72 ล้านตัน/ปี และกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมรวม 2.8 แสนบาร์เรล/วัน โดยใช้วัตถุดิบหลักจากก๊าซฯในการผลิตโอเลฟินส์ราว 87% ส่วนที่เหลือ13% มาจากแนฟทา ขณะที่การใช้วัตถุดิบจากก๊าซฯจะมีต้นทุนต่ำกว่าแนฟทา ซึ่งอิงกับราคาน้ำมัน
ขณะที่ สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงนี้ คงจะไม่กลับมายืนระดับ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทหันมาศึกษาความคุ้มค่าจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นน้ำมัน เช่น แนฟทา เป็นต้น จากที่เคยส่งออกไปก็อาจจะนำกลับมาเป็นวัตถุดิบได้
นอกจากนี้ปริมาณก๊าซฯในอ่าวไทยก็มีแนวโน้มที่จะลดลง คาดว่าจะใช้เวลา 7-8 ปีเป็นต้นไปที่ปริมาณก๊าซฯน่าจะลดลงมาเหลือราวครึ่งหนึ่ง ทำให้บริษัทศึกษาที่จะนำก๊าซฯเข้ามาทดแทนหากปริมาณก๊าซฯในอ่าวลดลงไป รวมถึงการติดตั้งหน่วย off-gas ซึ่งจะเป็นการนำผลพลอยได้จากโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งจะมีก๊าซอีเทน เหลืออยู่ เพื่อดึงเอาก๊าซอีเทน เข้ามาเป็นวัตถุดิบในการผลิตโอเลฟินส์ โดยหน่วยดังกล่าวติดตั้งและเดินเครื่องผลิตได้ในเดือนพ.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ลดการพึ่งพิงก๊าซฯจากอ่าวไทย
ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ออกไปหาแหล่งวัตถุดิบอื่นเพิ่มเติม โดยศึกษาโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐ มีมูลค่าลงทุนประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร เพื่อผลิตโอเลฟินส์ขนาด 1 ล้านตัน/ปี ใช้ก๊าซอีเทนจาก shale gas เป็นวัตถุดิบ ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติแผนงานเบื้องต้นของโครงการดังกล่าวแล้ว และให้ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ทั้งในด้านการออกแบบ ประเมินราคา ค่าก่อสร้าง และการหาพันธมิตร รวมถึงผู้สนับสนุนเงินกู้ ซึ่งจะใช้เวลาศึกษาอีก 1 ปี ก่อนจะสรุปว่าจะตัดสินใจลงทุนหรือไม่ต่อไป