SET บ่ายแกว่งแคบ โบรกฯ ชู ESSO มีปัจจัยหนุน

SET บ่ายแกว่งแคบ - วอลุ่มเทรดคงบาง ให้แนวรับ 1,565 แนวต้าน 1,575 จุด โบรกฯ แนะ "ซื้อ" เป้า 15.50 บาท ESSO มีปัจจัยหนุน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (24 มี.ค.) แกว่งแคบขาดปัจจัยใหม่ ขณะที่”อเมริกันเฮลธ์แคร์”เลื่อนมาโหวตวันนี้ส่งผลต่อ Sentiment จากความไม่แน่นอนในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของ”ทรัมป์” ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้เงียบดัชนีแกว่งทั้งบวก-ลบ ต่างรอผลโหวตของสภาสหรัฐและตัวเลข PMI ภาคการผลิต-บริการของสหรัฐวันนี้ บ่ายคาดตลาดฯแกว่งแคบต่อ-วอลุ่มเทรดคงบาง ให้แนวรับ 1,565 แนวต้าน 1,575 จุด

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ เนื่องจากกฎหมาย”อเมริกันเฮลธ์แคร์”ที่จะมาแทน”โอบามาแคร์”ได้เลื่อนการโหวตจากเมื่อวานมาเป็นวันนี้แทน เนื่องจากเสียงสนับสนุนยังไม่มากพอที่จะผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ส่งผลต่อ Sentiment จากความไม่แน่นอนในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐว่าจะเดินหน้าได้ต่อหรือไม่

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ค่อนข้างเงียบเช่นกัน ดัชนีเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและแดนลบ โดยต่างรอดูผลโหวต”อเมริกันเฮลธ์แคร์” รวมถึงตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการงวดเดือน มี.ค.ของสหรัฐฯ ที่จะออกมาในวันนี้ด้วย

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะแกว่งแคบคล้ายกับช่วงเช้า และวอลุ่มเทรดน่าจะบางในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ พร้อมให้แนวรับ 1,565 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (24 มี.ค.) SET เคลื่อนไหวแคบ ด้วย upside จำกัด แม้มีความคาดหวังเชิงบวกต่อการผลักดันร่างกฎหมายที่จะเอื้อต่อการใช้นโยบายเศรษฐกิจทรัปม์ในระยะถัดไป อย่างไรก็ดี เรายังมองการปรับสูงขึ้นของ SET รอบนี้เป็นเพียง Relief-rally ด้วย upside จำกัด 1,580-1,595 จุด เท่านั้น

เนื่องจาก valuation สูงไม่ว่าจะพิจารณาจาก PE 15.3x หรือ earnings yield gap ที่ต่ำ 3.8% (เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 4.5% โดย earnings yield gap ยิ่งต่ำยิ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนใน SET ไม่น่าสนใจ) และ ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนปีนี้ขยายตัวต่ำเพียง 6-7% เท่านั้น และยังไม่เห็นสัญญาณการปรับประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ ขึ้นเลย (ดูรายงาน Pathumwan Corner: The Revision วันที่ 14 มี.ค.ประกอบ)

ในขณะเดียวกัน แนะนำ ซื้อ” ESSO ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 15.50 บาท มองเป็น Turnaround plays ที่ valuation ไม่แพง ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก Utilization rate ของโรงกลั่นที่ดีขึ้น สะท้อนไปที่อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2016 ที่ 6.6 พันล้านบาท ขณะที่ Crude premium ที่ลดลงทำให้โรงกลั่นที่ซื้อน้ำมันเบา (Light crude) อย่าง ESSO มีต้นทุนการซื้อน้ำมันถูกลง และส่งผลไปที่อัตรากำไร และ GRM รวมของอุตสาหกรรมอยู่ในระดับสูง US$6/bbl

ขณะที่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันมีกำไรดี เนื่องจากค่าการตลาดสูง นอกจากนี้ PE ต่ำที่สุดที่ 6.2x ปีนี้ ต่ำที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น และราคาหุ้นต่ำกว่า Replacement cost มากที่สุดในบรรดาโรงกลั่นทั้งหมด ขณะที่ทางเทคนิคมีจังหวะ Breakout ไปแล้ว เป้าหมายระยะสั้นที่ 11.60 / 12.80 บาท

 

สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

GL  มูลค่าการซื้อขาย 1,406.77 ล้านบาท ปิดที่  21.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

CPF  มูลค่าการซื้อขาย   894.28 ล้านบาท ปิดที่  29.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

BEM  มูลค่าการซื้อขาย   650.06 ล้านบาท ปิดที่   7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

UNIQ  มูลค่าการซื้อขาย   526.84 ล้านบาท ปิดที่  17.20 บาท ลดลง  0.40 บาท

TASCO   มูลค่าการซื้อขาย   501.79 ล้านบาท ปิดที่  25.00 บาท ลดลง  0.50 บาท

Back to top button