ASIAN คาดรายได้ปีนี้ทะลุหมื่นล้าน วางเป้าปี 63 แตะ 1.45 หมื่นลบ.

ASIAN คาดรายได้ปีนี้ทะลุหมื่นล้าน วางเป้าปี 63 แตะ 1.45 หมื่นลบ. เน้นเพิ่มสินค้ามาร์จิ้นสูงดันกำไร


นายสมศักดิ์ อมรรัตนชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ห้องเย็นเอเชี่ยน ซีฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนยาวถึงปี 63 ตั้งเป้าหมายผลักดันรายได้เติบโตแตะ 1.45 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาดทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเติบโตราว 10% จากปี 59

โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากธุรกิจกุ้งที่เชื่อว่ามีโอกาสทะลุ 6 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับผลดีที่การผลิตกุ้งในไทยอาศัยเทคโนโลยีทันสมัยพลิกฟื้นสถานการณ์จากที่เกิดวิกฤติโรคระบาด EMS ที่ทำลายอุตสาหกรรมกุ้งในช่วง 2 ปีก่อนจากผลผลิตที่ดิ่งลงจาก 6 แสนตัน/ปี เหลือเพียง 2 แสนตัน/ปี ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักทั้งในธุรกิจอาหารแช่เยือกแข็งและธุรกิจอาหารสัตว์น้ำ

ขณะนี้การผลิตกุ้งในไทยฟื้นตัวได้เร็วกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีการเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออก ได้แก่ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้น ขณะที่ความต้องการผลิตภัณฑ์จากกุ้งในตลาดโลกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นสัญญาณที่ดีจากผลประกอบการของบริษัทที่ยอดขายเติบโตได้ถึง 25% ในช่วงไตรมาส 4/59 และยังมีแนวโน้มที่ดีในปีนี้จากคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“ปีนี้ ปีหน้า และปีต่อ ๆ ไปยังดีต่อเนื่องแน่นอน ด้วยผลผลิตที่ดีขึ้นเร็วกว่าประเทศอื่น ๆ  ทำให้ธุรกิจกุ้งของไทยได้เปรียบคู่แข่ง อาหารกุ้งก็จะโตได้ดีตามมากับภาพรวม เราจึงเชื่อว่าปีนี้น่าจะโตได้มากกว่าคาด และยังจะดีมากขึ้นในปีถัดๆไป” นายสมศักดิ์ กล่าว

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนผลิตสินค้าประเภท VAP ออกมาวางตลาดมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดอาหารทะเลที่ต้นทุนมีความผันแปรไปตามฤดูกาล โดยบริษัทจะเน้นการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการผลิตเพื่อให้ได้รับมาตรฐานรับรองในระดับสากล ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถขยายตลาดได้ดีขึ้น

รวมทั้งจะสนับสนุนแผนเพิ่มสินค้าที่ให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงมากและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) ที่เติบโตได้ดีในตลาดยุโรป เช่น อังกฤษที่เป็นตลาดหลักสินค้า Pet Food ของบริษัท และอาหารสัตว์น้ำ (Feed) ที่มองการขยายไปถึงอาหารสัตว์ประเภทอื่นๆ ด้วย เช่น ไก่ ทั้งนี้ เพื่อทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 10-12% ในปี 63 จาก 8.5% ในปี 59

“เรามีงานต้องทำมากขึ้นในปีนี้ปีหน้า เราจะปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้รับการรับรองคุณภาพมาตราฐานสากล อย่างที่เราเคยทำผลิตภัณฑ์กุ้งสดเพื่อส่งให้ร้านซูชิ กุ้งจากฟาร์มเลี้ยงที่มาถึงโรงงานต้องยังเป็นๆ เพราะจะไม่ได้ผ่านความร้อน ซึ่งทำได้ยากมาก แต่เราทำได้ ทำให้ได้ราคาที่ดี ลูกค้าก็ไม่สามารถหนีไปสั่งที่อื่นได้”

สำหรับสัดส่วนรายได้ในปี 63 วางเป้าหมายให้จะมาจากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็ง 37% ของรายได้รวม ซึ่งลดลงจาก 43% ในปี 60 แต่ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% จาก 19% , ธุรกิจทูน่า 11% ลดลงจาก 14%, ธุรกิจอาหารสัตว์น้ำเพิ่มเป็น 15% จาก 12% , ธุรกิจจัดจำหน่ายลดลงเหลือ 7% จาก 10%

สำหรับรายได้หลักของบริษัทยังมาจากตลาดส่งออกเป็นหลัก โดยเฉพาะสหรัฐ จีน ยุโรป และ ญี่ปุ่น ซึ่งในปึนี้บริษัทมีแผนจะเข้าไปตั้งสำนักงานขาย หรือ เต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดที่มีความสำคัญดังกล่าว ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีโดยตรงต่อยอดขายแล้ว ยังจะช่วยให้บริษัทเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น และเรียนรู้ตลาดได้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นด้วย

พร้อมกันนั้นในปีนี้บริษัทยังเตรียมแผนงานที่จะทำให้งบการเงินมีความแข็งแกร่ง โดยจะมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อให้สามารถจัดการกับภาระทางการเงินทั้งหนี้เงินต้นและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งขณะนี้ภาระดอกเบี้ยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4.5% ก็คาดหวังจะมีภาระดอกเบี้ยต่ำลง โดยบริษัทอาจจะพิจารณาแนวทางการออกหุ้นกู้ที่ในอดีตเคยทำมาแล้ว

ส่วนความผันผวนของค่าเงินบาทในขณะนี้ แม้จะส่งผลกระทบกับบริษัทบ้าง เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่เป็นดอลลาร์ แต่บริษัทก็ได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ทั้ง 100% แล้ว จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบกับภาพรวมผลประกอบการมากนัก ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบส่วนหนึ่งก็เป็นดอลลาร์ด้วย โดยเฉพาะการนำเข้าทูน่าจากต่างประเทศ และการนำเข้าส่วนผสมอื่นๆ จึงเชื่อว่าจะช่วยชดเชยได้อีกส่วนหนึ่ง

Back to top button