“ธีรวุทธิ์”กลืนเลือด ย้ำวุฒิศักดิ์ ยังมีอนาคตแม้ขาดทุน 838 ลบ.
"ธีรวุทธิ์" กลืนเลือด ย้ำ "วุฒิศักดิ์ คลินิก" ยังมีอนาคต แม้ขาดทุนยับกว่า 838 ลบ. นอกจากนี้บริษัท แดทโซ ยังขาดทุนอีก 36 ลบ. ส่งผลให้ EFORL มีผลขาดทุนในปี 59 จำนวน 614 ลบ.
บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ระบุว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2559 ของ EFORL ปรากฏการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 2 รายการ ได้แก่ การด้อยค่าความนิยมธุรกิจบริการความงามซึ่งบริษัทลงทุนบริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WCIH จำนวน 838 ล้านบาท และการด้อยค่าเงินลงทุนทั้งจำนวนในบริษัท แดทโซ เอชีย คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด หรือ แดทโซ จำนวน 36 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิ 614 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 210 ล้านบาท โดยที่บริษัทเพิ่งเข้าลงทุนในปี 57
และขอให้ชี้แจงการพิจารณาตัดสินใจเข้าลงทุนในวุฒิศักดิ์คลินิก โดยเฉพาะประเด็นการแข่งขันในธุรกิจบริการความงาม เนื่องจากบริษัทเพิ่งเข้ามาลงทุนได้ไม่นาน แต่ผลการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และต้องตั้งด้อยค่าความนิยมที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการจำนวนมาก รวมถึงให้ชี้แจงการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าของเงินลงทุนในแดทโซด้วย
โดย EFORL ระบุว่า การด้อยค่าสินทรัพย์รวม 874 ล้านบาทดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากการลงทุน WCIH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของวุฒิศักดิ์คลินิก และเป็นการตั้งด้อยค่าจากการลงทุนในบริษัท แดทโซฯ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งการลงทุนดังกล่าวคณะกรรมการบริษัทดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ตามหลักสุจริตด้วยความละเอียดรอบคอบ และดำเนินการตามขั้นตอนซึ่งเป็นตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำรายการซึ่งเข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ทุกขั้นตอน
สำหรับการแข่งขันในทางธุรกิจบริการความงามนั้น บริษัทพิจารณาจากความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งมีความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมของอุตสาหกรรมคลินิกเสริม ความงามว่าแม้เป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากแนวโน้มการเติบโตของจำนวนกลุ่มเป้าหมายที่สนใจด้านความสวยความงามเพิ่มขึ้น โดยภาพรวมตลาดความงามในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคลินิกผิวหนังมีสัดส่วนร้อยละ 65 หรือประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าในกลุ่มระดับกลางประมาณร้อยละ 60 และอีกประมาณร้อยละ 40 เป็นลูกค้าในกลุ่มระดับพรีเมี่ยม
อนึ่ง WCIG เป็นผู้นำธุรกิจเสริมความ งามภายใต้ชื่อ วุฒิศักดิ์ คลินิก ซึ่งเป็นแบรนด์อันดับ 1 มีจำนวน 120 สาขาซึ่งมากที่สุดในประเทศไทย เป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และเป็นบริษัทที่มีแผนการการตลาดเข้มแข็ง มีผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน มีทีม แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีผลประกอบการในอดีตที่ดี มีโอกาสขยายทางธุรกิจเสริมความงามไปในต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาแต่งตั้งที่ปรึกษาด้านต่างๆ เพื่อให้คณะกรรมการมีข้อมูล ประกอบการพิจารณาการเข้าทำรายการและสามารถนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ ต่อผู้ถือหุ้น ซึ่งการเข้าทำรายการซื้อกิจการของวุฒิศักดิ์นั้น บริษัทได้รับการอนุมัติให้เข้าทำรายการโดยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 100 %
ส่วนการพิจารณาการด้อยค่าของค่าความนิยมนั้น บริษัทได้แต่งตั้ง บริษัท 15 ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประเมินอิสระที่ได้รับการรับรองจากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามคำแนะนำของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเพื่อทำการ ประเมินมูลค่าธุรกิจของ WCIG ทุกปี ซึ่งในปี 59 ผลการประเมินมูลค่าธุรกิจมีมูลค่าจำนวน 4,908 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณาเปรียบเทียบกับราคาตามบัญชี (Carrying value) บริษัทพิจารณาแล้วว่าเห็นว่ายังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะต้องมีการตั้งสำรองการด้อยค่าความนิยม
โดยการด้อยค่าของค่าความนิยมที่ปรากฏในงบการเงินนั้น เป็นการด้อยค่าที่เกิดจากการพิจารณามูลค่าธุรกิจ โดยการคำนวณมูลค่ากิจการโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาตของ WCIG โดยผู้สอบบัญชีพิจารณาโดยใช้หลักความระมัดระวัง (Conservative) ของผู้สอบบัญชี ซึ่งผลการคำนวณมูลค่าธุรกิจด้วยหลักการดังกล่าว เป็นมูลค่าที่น้อยกว่ามูลค่าธุรกิจซึ่งประเมินโดยผู้ประเมินอิสระ และเป็นมูลค่าที่ต่ำกว่ามูลค่า ณ วันที่บริษัทเข้าทำรายการซื้อกิจการของ WCIG ในช่วงปลายปี 57 และบันทึกบัญชีในการวันที่เข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ส่งผลกระทบต่องบการเงินรวมของบริษัทซึ่งต้องรับรู้การด้อยค่าของค่าความนิยม จำนวน 838 ล้านบาทในงบการเงินปี 59
ส่วนการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าของเงินลงทุนในแดทโซนั้น บริษัทใช้หลักเกณฑ์เดียวกันกับการพิจารณาการด้อยค่าของค่าความนิยมบริษัท 15 ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด ตามคำแนะนำของผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เพื่อทำการประเมินมูลค่าธุรกิจของแดทโซ เช่นเดียวกัน ซึ่งผลการประเมินมูลค่าธุรกิจ ในปี 2559 แดทโซมีมูลค่าธุรกิจ จำนวน 0 บาท หรือ ไม่มีมูลค่า และ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตก็ใช้หลักความระมัดระวัง(Conservative) ประกอบกับการใช้ตัวเลขที่เกิดจากการคำนวณของผู้ประเมินอิสระมาใช้ในการพิจารณาการตั้งค่าเผื่อด้อยค่าเงินลงทุนในแดทโซ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้ต้องมีการพิจารณาตั้งสำรองเงินลงทุนทั้งจำนวน 36 ล้านบาทดังกล่าว