กรมศุลฯฟันเปรี้ยง-จ่อฟ้องศาล “เบสท์ริน” จงใจเลี่ยงภาษี!

กรมศุลฯ ฟันรถเมล์ NGV 489 คัน สำแดงถิ่นกำเนิดเป็นเท็จ เดินหน้าเชือด “เบสท์รินฯ” พร้อมส่งหนังสือให้เข้ายอมความ หากไม่มาตามนัดเตรียมส่งฟ้องศาลหรือดีเอสไอเชือด


นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากรได้สั่งคดีนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมด 489 คัน ที่บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า จำกัด เป็นผู้นำเข้าของบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด มีความผิดฐานสำแดงเท็จ เลี่ยงภาษี ซึ่งหากบริษัทผู้นำเข้าไม่ยอมความในชั้นการพิจารณาของกรมฯ ก็จะส่งเรื่องให้อัยการทำสำนวนฟ้องศาลต่อไป

สำหรับการสั่งคดีรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก การนำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี 100 คัน ที่ผู้นำเข้ายื่นใบขน Form D ว่าผลิตจากมาเลเซีย ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า 40% ซึ่งกรมได้สั่งคดีมีความผิดตามกฎหมายศุลกากร มาตรา 27 คือหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษี และมาตรา 99 สำแดงการนำเข้าสินค้าเป็นเท็จ

สำหรับที่เหลือ 389 คัน ผู้นำเข้ายอมเสียภาษีนำเข้า 40% แต่ยังยืนยันว่าเป็นรถที่ผลิตจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งกรมได้สั่งคดีว่ามีความผิดตามมาตรา 99 คือ การสำแดงนำเข้าเป็นเท็จเพียงอย่างเดียว

กรมมีหลักฐานว่ารถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมด ไม่มีถิ่นกำเนิดในประเทศมาเลเซีย เป็นรถสำเร็จรูปทั้งคันที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ซึ่งกรมได้ทำหนังสือให้ผู้นำเข้ามายอมความในชั้นของกรมศุลกากร หากไม่มาก็ต้องส่งฟ้องศาลต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะส่งให้อัยการฟ้อง หรือส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินคดี” นายชัยยุทธ กล่าว

ทั้งนี้หากศาลเห็นว่าผู้นำเข้ามีความผิดตามที่กรมแจ้งความ จะทำให้ผู้นำเข้าต้องเสียค่าปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมอากร ซึ่งรถเมล์เอ็นจีวีที่นำเข้ามา กรมฯเก็บภาษีนำเข้าที่ 40% หรือ 1.24 ล้านบาทต่อคัน หากรวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ค่าอากรภาษีจะอยู่ที่คันละ 1.45 ล้านบาท

ปัจจุบันผู้นำเข้ายังไม่มีการนำรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 99 คัน ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งบริษัทต้องรับภาระค่าภาษี และค่าปรับอีก 2 เท่าของภาษีที่ยังไม่จ่าย รวมเป็นเงินคันละ 3.7 ล้านบาท

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ (31 มี.ค.) ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รับมอบรถเมล์ NGV ทั้งหมดจากบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด และยังมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ก่อนศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

Back to top button