สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 11 เม.ย.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศได้ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งรวมถึงหุ้น โดยรายงานล่าสุดระบุว่า เกาหลีเหนืออาจโจมตีสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐเตรียมการโจมตีเกาหลีเหนือ รวมทั้งความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงระหว่างรัสเซียและสหรัฐ หลังจากสหรัฐระบุว่ารัสเซียให้การสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,651.30 จุด ลดลง 6.72 จุด หรือ -0.03% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,353.78 จุด ลดลง 3.38 จุด หรือ -0.14% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,866.77 จุด ลดลง 14.15 จุด หรือ -0.24%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและซีเรีย โดยเกาหลีเหนือประกาศความพร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้ที่รุนแรงกับสหรัฐ หลังจากที่สหรัฐได้ส่งกองเรือรบเข้าใกล้น่านน้ำคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่สถานการณ์ซีเรียส่อเค้าว่าจะตึงเครียดมากขึ้น หลังจากที่ประชุม G7 คว้าน้ำเหลวออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียกรณีสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.02% แตะที่ 381.18 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,139.35 จุด ลดลง 61.17 จุด หรือ -0.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,365.50 จุด เพิ่มขึ้น 16.56 จุด หรือ +0.23% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,101.86 จุด ลดลง 5.59 จุด หรือ -0.11%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก เมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทองคำที่ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง สืบเนื่องจากความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในเกาหลีเหนือและซีเรีย ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนได้ระมัดระวังการซื้อขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นทองคำกันมากขึ้น นอกจากนี้ ดัชนี FTSE 100 ยังได้แรงหนุนจากหุ้นจดทะเบียนรายใหญ่อย่างเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 16.56 จุด หรือ +0.23% ปิดที่ 7,365.50 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) หลังจากซาอุดิอาระเบียได้แสดงความตั้งใจที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิต และรัสเซียประกาศว่าจะปรับลดกำลังการผลิตลงอีกในช่วงกลางเดือนนี้ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังคงได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงสถานการณ์ในซีเรียและเกาหลีเหนือ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 53.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 56.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ เมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยรายงานล่าสุดระบุว่า เกาหลีเหนืออาจโจมตีสหรัฐด้วยนิวเคลียร์ หากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสหรัฐเตรียมการโจมตีเกาหลีเหนือ
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 20.3 ดอลลาร์ หรือ 1.62% ปิดที่ระดับ 1,274.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 33.9 เซนต์ หรือ 1.89% ปิดที่ 18.254 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 29.5 ดอลลาร์ หรือ 3.14% ปิดที่ 969.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 13.10 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 803.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) จากแรงกดดันของปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความตึงเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่นักลงทุนได้ชะลอการซื้อขายในสินทรัพย์เสี่ยงและหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยกันมากขึ้น
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.65 เยนจากระดับ 110.89 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0074 ฟรังก์สวิส จากระดับ 1.0079 ฟรังก์สวิส
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0608 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0603 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2491 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2424 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงที่ระดับ 0.7495 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7504 ดอลลาร์