TKT พุ่งกว่า 10% ลุ้นปีนี้พลิกมีกำไร หลังบริหารต้นทุนดีขึ้น

TKT พุ่งกว่า 10% ลุ้นปีนี้พลิกมีกำไร หลังบริหารต้นทุนดีขึ้น-อุตฯยานยนต์ฟื้น ล่าสุด ณ เวลา 10.32 น. ราคาอยู่ที่ 2.50 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 10.62% สูงสุดที่ 2.54 บาท ต่ำสุดที่ 2.32 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 119.88 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ที.กรุงไทยอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TKT ณ เวลา 10.32 น. ราคาอยู่ที่ 2.50 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 10.62% สูงสุดที่ 2.54 บาท ต่ำสุดที่ 2.32 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 119.88 ล้านบาท

นายปรีชา เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ TKT เปิดเผยว่า ผลประกอบการปีนี้จะกลับมามีกำไรสุทธิอย่างแน่นอน จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนราว 67.54 ล้านบาท เนื่องจากปีที่ผ่านมาบริษัทมีการบริหารจัดการและปรับปรุงแผนกพ่นสีที่สาขาสุวินทวงศ์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนของเสียที่เกิดจากการผลิตจึงช่วยลดต้นทุนลง

นอกจากนี้คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะฟื้นตัวขึ้นราว 3-5% หรือมียอดผลิตรถยนต์ในประเทศเพิ่มเป็น 2 ล้านคัน หลังจากครบอายุถือครอง 5 ปีในโครงการรถยนต์คันแรก แต่ยังต้องติดตามการฟื้นตัวที่คาดว่าจะเห็นได้ชัดเจนในช่วงงาน MOTOR EXPO ว่าทิศทางยานยนต์ในประเทศจะเดินไปอย่างไร

ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่ารายได้ปี 60 จะกลับมาเติบโตได้ราว 5-10% จากปีก่อนที่รายได้ลดลงมาอยู่ที่ 1,110.77 ล้านบาท โดยจะเป็นการเติบโตทั้งจากการออกรถรุ่นใหม่ และคำสั่งซื้อในส่วนของรุ่นเดิม โดยปัจจุบันบริษัทฯมีคำสั่งซื้อรอมอบสินค้าอยู่ในมือ (Backlog) ราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ทั้งหมดในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีการเจรจากับลูกค้าเพื่อที่เพิ่มยอดขายอย่างต่อเนื่อง

นายปรีชา กล่าวอีกว่า บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 20% ในช่วงครึ่งปีหลัง จากปีก่อนลดลงไปอยู่ที่ 6.46% ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 30-40 ล้านบาทเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรใหม่ทดแทนเครื่องจักรเดิม

“ก่อนหน้านี้เรามีผลประกอบการที่เป็นบวกมาตลอด แต่ปีที่ผ่านมาเราได้รับผลกระทบจากต้นทุนของเสียในโรงพ่นสี ซึ่งเราก็เข้าไปปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นผลให้ปีนี้เรามีผลประกอบการออกมามีกำไรสุทธิแน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นปีที่อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาเติบโตหลังจากโครงการรถคันแรกครบอายุ ซึ่งเราจะค่อยๆขยายไปให้เท่ากับช่วงก่อนหน้าที่เราเคยมียอดขายถึง 1.9 พันล้านบาท และเพิ่มไปถึง 2.2 พันล้านบาทในอนาคต หรือใช้กำลังการผลิตเป็น 80% จากปัจจุบันใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 50-60%” นายปรีชา กล่าว

Back to top button