SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ โบรกฯ ชู 2 หุ้นโรงกลั่น มีปัจจัยหนุน
SET บ่ายแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,560 แนวต้าน 1,570-1,575 จุดโบรกฯ ชู 2 หุ้นโรงกลั่น มีปัจจัยหนุน นำโดย PTTGC และ ESSO
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (25 เม.ย.) อ่อนกว่าภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกได้ดีกว่าบ้านเรา รับแรงส่งจากต่างประเทศ ทั้งเรื่อง “ทรัมป์” จะประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้ และได้ Sentiment บวกจากผลการเลือกตั้งฝรั่งเศส แต่ดูเหมือนว่าตลาดบ้านเราจะเจอแรงขายทำกำไรออกมา หลังงบฯแบงก์ประกาศเรียบร้อยแล้วเจอแรงขาย ทำให้วิตก Sector อื่นจะเจอแรงขายออกมาด้วย
ทั้งที่ตัวเลขส่งออกของไทยออกมาเป็นบวก 3 เดือน ถือว่าสร้าง Surprise ให้ตลาดฯได้ แต่ตลาดฯยังไม่ได้สะท้อนตรงนี้เท่าไร บ่ายนี้ตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,560 แนวต้าน 1,570-1,575 จุด
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกกัน แต่ตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นได้น้อยกว่าภูมิภาค โดยมองว่าได้แรงส่งจากต่างประเทศ ทั้งเรื่องที่ “ทรัมป์” จะประกาศมาตรการปฏิรูปภาษีในวันพุธนี้ ซึ่งหากสามารถผ่านสภาได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น และจะทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ยังได้ Sentiment บวกจากผลการเลือกตั้งในฝรั่งเศสด้วย ทำให้คลายกังวลไปได้เรื่องที่ฝรั่งเศสจะออกจากยูโรโซน
แต่ดูเหมือนว่าบ้านเรายังมีความกังวลในเรื่องการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนอยู่ ภายหลังจากที่กลุ่มแบงก์ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว เจอแรงขายทำกำไร ซึ่งทำให้วิตกว่าจะมีแรงขายทำกำไรไปยัง Sector อื่นด้วย ทำให้ตลาดฯไม่มีแรงส่งจาก Sector อื่น วอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมก็เลยยังน้อยอยู่ อย่างไรก็ดี มองว่าแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติหลังประกาศงบฯออกมาแล้ว
นอกจากนี้ ที่จริงตลาดบ้านเรายังมีตัวเลขส่งออกเป็นบวกมาได้ 3 เดือน ซึ่งถือว่าเป็น Surprise ของตลาดฯเลย เพราะตลาดฯคาดว่าส่งออกปีนี้จะไม่ดี แต่ตลาดฯก็ไม่ได้สะท้อนตรงนี้เท่าไร
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,575 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 เม.ย.) การฟื้นตัวเป็นไปอย่างจำกัดต่อไป SET ไม่ควรหลุด 1,564 จุด แม้ตลาดหุ้นโลกตอบรับเชิงบวกต่อผลการเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส รวมไปถึงความคืบหน้ามาตรการภาษีทรัมป์ภายในวันที่ 26 เม.ย.นี้ แต่การฟื้นตัวของ SET ยังเป็นไปอย่างจำกัดต่อไป และถ้าพิจารณาในเชิงเทคนิค SET ไม่ควรปิดตลาดต่ำกว่า 1,564 จุด ที่เป็นแนวรับอิงเส้นค่าเฉลี่ย 3 เดือน ซึ่งจะทำให้ downside risk ระยะสัปดาห์เปิดกว้างไปที่ 1,544 หรือ 1,520 +/- จุด
สำหรับ BEAUTY ที่ปรับลดลงหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน วันนี้มีแรงขายเข้ามามาก โดยประเมินแนวรับตามกรอบ wte chael ที่ 8.80 +/- บาท ขณะที่ในทางพื้นฐานคาดการณ์ยอดขายต่อสาขาเดิมขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% ขณะที่คาดการณ์การเติบโตกำไรปี 2560 เพิ่มขึ้น 39% ที่ 911 ล้านบาท คิดเป็น PE 30x ปีนี้
ในขณะเดียวกันกลุ่มโรงกลั่นมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด แนะนำ “ซื้อ” PTTGC จากแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 แข็งแกร่งจาก spead ปิโตรฯ ที่อยู่ ในระดับสูง และการซื้อธุรกิจ polypropylene ต่อยอดกำไรเติบโตในระยะยาว ล่าสุดทะลุแนวต้าน 74.50 บาท ไปแล้ว มีเป้าหมายระยะสั้นถัดไปที่ 77.0 บาท
และแนะนำ “ซื้อ” ESSO เป้าหมายพื้นฐาน 15.50 บาท จากค่าการกลั่นสูง US$6.5/bbl หนุนการเติบโตกำไรปีนี้เพิ่มขึ้น 60% ที่ 6.4 พันล้านบาท คิดเป็น PE ต่ำเพียง 6.2x เท่านั้น ขณะที่ Efficiecy การผลิตดีขึ้น โดยคาดว่า utilizati ate ของโรงกลั่นในไตรมาส 1/60 จะสูงสุดในรอบหลายไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเตรียมล้างขาดทุนสะสมหมดปีนี้ พร้อมจ่ายเงินปันผลลด้วย dividend yield 5% ปีนี้ 10% ปีหน้า
สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,721.24 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท ลดลง 1.10 บาท
BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 1,020.19 ล้านบาท ปิดที่ 9.20 บาท ลดลง 0.70 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 862.44 ล้านบาท ปิดที่ 75.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
IRPC มูลค่าการซื้อขาย 760.63 ล้านบาท ปิดที่ 5.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 754.83 ล้านบาท ปิดที่ 185.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง