CPF ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% หลังราคาธุรกิจกุ้ง-ไก่ฟื้นตัว

CPF ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10% ทะลุ 5 แสนลบ.หลังราคาธุรกิจกุ้ง-ไก่ฟื้นตัว - ทุ่มงบ 2.5 หมื่นลบ. ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ หวังสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาว


นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 60 เติบโต 8-10% หรือมีรายได้มากกว่า 5 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4.76 แสนล้านบาท

โดยการเติบโตของรายได้ในปีนี้มาจากราคาไก่และราคากุ้งที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนขึ้น จากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ราคาตกต่ำอย่างหนัก ซึ่งราคาไก่ที่เพิ่มขึ้นนั้นจากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกหายไปจากปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ทำให้ราคาไก่ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคากุ้งฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเผชิญกับภาวะโรคระบาดรุนแรงในกุ้ง ซึ่งส่งผลทำให้ราคากุ้งตกต่ำ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีปัจจัยที่กดดันผลการดำเนินงานของบริษัท คือ ปัญหาราคาเนื้อสุกรตกต่ำ โดยเฉพาะราคาในประเทศไทยและเวียดนาม เพราะมีการผลิตเนื้อสุกรออกมามากกว่าความต้องการของตลาด แต่แนวโน้มในระยะต่อไป โดยเฉพาะตั้งแต่ไตรมาส 2/60 คาดว่าจะเห็นการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาเนื้อสุกร หลังจากผู้ผลิตเริ่มชะลอการผลิต ทำให้แนวโน้มราคาจะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเห็นราคากลับมาดีอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

“ยอมรับว่า ปัจจัยเรื่องราคาเนื้อสุกรที่ตกต่ำในช่วงต้นปีที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/60 จะออ่อนตัวลงและไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ แต่คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 2/60 และผลการจะเห็นการเติบโตที่โดดเด่นมากในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังราคาเนื้อสุกรค่อยๆทยอยปรับตัวดีขึ้น และยังได้รับผลบวกจากราคาไก่และราคากุ้งที่ฟื้นตัวกลับมาอย่างชัดเจน” นายอดิเรก กล่าว

ส่วนงบลงทุนในปี 60 บริษัทตั้งไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้สำหรับการรองรับขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเป็นเงินลงทุนจากกระแสเงินสดของบริษัท โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตที่มั่นคงให้กับบริษัทในระยะยาว โดยยังคงเน้นการขยายฐานรายได้ในต่างประเทศให้มากขึ้น เพราะจำนวนประชากรของโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีโอกาสขยายตลาดและสร้างรายได้มากกว่าในประเทศไทยที่ปัจจุบันถือว่ามีข้อจำกัดเพิ่มขึ้น

“การเน้นขยายตลาดต่างประเทศจะช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับบริษัทในระยะยาว โดยบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็น 70% จากปัจจุบันอยู่ที่ 68% และรายได้ไนประเทศอยู่ที่ 32% พร้อมกับตั้งเป้าระยะยาวรายได้จะเติบโตเฉลี่ย 8-10% ต่อปี ซึ่งขณะนี้บริษัทมีฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศรวมกันกว่า 4 พันล้านคน และมีตลาดหลักอยู่ในประเทศไทยและอีก 15 ประเทศหลักทั่วโลกในปัจจุบัน” นายอดิเรก กล่าว

ส่วนรายงานข่าวที่ระบุว่าบริษัทจะมีดีลซื้อกิจการ 7-11 ในอินโดนีเซียนั้น นายอดิเรก ยืนยันว่าไม่เป็นจริง และบริษัทไม่มีแผนการทำดีลซื้อกิจการดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทได้ชี้แจงเรื่องนี้ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แล้ว

Back to top button