GL ไร้คำอธิบายกรณีปล่อยกู้ลูกหนี้ซื้อหุ้น!
GL ไร้คำอธิบายกรณีปล่อยกู้ลูกหนี้ซื้อหุ้นตัวเอง เพื่อผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2560 ของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ในวันนี้ (26 เม.ย.) นั้น โดยในการประชุมวาระที่ 2 พิจารณารับทราบรายงานประจำปีของคณะกรรมการ และอนุมัติงบดุลและกำไรขาดทุน และรายงานของผู้สอบบัญชี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559
โดยในวาระดังกล่าวได้มีนักลงทุนถามถึงประเด็นเรื่องบริษัท Group Lease Holdings หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ในประเทศสิงคโปร์ได้ปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มลูกหนี้เพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นสามัญ GL เพื่อผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยประเด็นดังกล่าว นาย มิทซึจิ โคโนชิตะ ได้ตอบเพียงสั้นๆว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง
อนึ่งก่อนหน้านี้ GL ได้ปล่อยกู้ให้กับ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทในประเทศสิงคโปร์ จำนวน 3.48 พันล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อต่อให้แก่บริษัทกลุ่มสิงค์โปรและกลุ่มไซปรัส
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้มีการตรวจสอบพบข้อมูลจาก“รายละเอียดเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับและการขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยค้างรับ” ซึ่งเป็นเอกสารแนบท้ายประกอบการชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีกรณีเงินให้กู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับ ฉบับแก้ไข ครั้งที่ 4 ที่มีการเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 3 เม.ย. 2560
อีกทั้งพบว่ามีรายชื่อหนึ่งในลูกหนี้กลุ่มสิงคโปร์ของ GLH ซึ่งเป็น “ผู้กู้ร่วม” จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย บริษัท Cougar Pacific Pte. Ltd. บริษัท Kuga Reflorestamento Ltda. และ นาย Tep Rithivit ปรากฏเป็นผู้ทำสัญญาการขอสินเชื่อครั้งแรก เมื่อวันที่ 11พ.ค. 2558 จำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีระยะเวลากู้ยืม 3 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
โดยหลักประกันเงินกู้สำหรับสัญญาดังกล่าว คือ ที่ดินในประเทศบราซิลที่มีมูลค่าประเมิน 30.10 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไม่ปรากฏพบว่ามีการนำหุ้นสามัญ GL หรือหลักทรัพย์อื่นๆ มาร่วมเป็นหลักประกันด้วย ขณะที่ผลการตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นจากการปิดสมุดทะเบียนครั้งสุดท้ายก่อนหน้าการทำสัญญาคือ วันที่ 30 มี.ค. 2558 หรือครั้งแรกหลังการทำสัญญาคือ วันที่ 12 พ.ค. 2558 ไม่ได้ปรากฏพบรายชื่อของผู้กู้ร่วมทั้ง 3 รายเป็นผู้ถือหุ้นก่อนหน้าหรือหลังจากนั้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้พบว่าในวันที่ 9 ก.ค. 2558 ได้ปรากฏรายชื่อผู้กู้ร่วมกลุ่มเดียวกันนี้เป็นผู้ทำสัญญาขอเงินกู้เป็นครั้งที่ 2 อีกจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ระยะเวลากู้ยืม 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 17% ต่อปี แต่ครั้งนี้มีการระบุรายละเอียดของหลักประกันเงินกู้ คือ หุ้นสามัญ GL จำนวน 35 ล้านหุ้น ซึ่งนั่นหมายถึงผู้กู้มีการเข้าถือครองหุ้น GL เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดีในการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นครั้งถัดมา คือ วันที่ 31 มี.ค. 2559 มีชื่อของ บริษัท คูการ์ แปซิฟิค โฮลดิ้งส์ จำกัด เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สูงสุดอันดับ 9 และอันดับ 15 จากทั้งหมด 17 ราย โดยถือครองหุ้นทั้งหมด จำนวน 30 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนของจำนวนหุ้นทั้งหมด 1.97% และ 10.72 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 0.70% ตามลำดับ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้กู้ร่วมทั้ง 3 รายได้นำเงินจากการทำสัญญากู้ครั้งแรกจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐไปซื้อหุ้นสามัญ GL หลังวันที่ 11 พ.ค. 2558 (กู้ครั้งที่ 1) และก่อนหน้าวันที่ 9 ก.ค. 2558 (กู้ครั้งที่ 2) ในนามของคูการ์ แปซิฟิค โฮลดิ้งส์ ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจากรายงานก่อนหน้านี้สามารถยืนยันได้ว่าผู้กู้ไม่เคยถือครองหุ้นสามัญ GL มาก่อนหน้านั้นเลย