“ทวิช” ซัด “วิชัยคูณ 3” ทำผิดข้อบังคับ!-IFECส่อแววติดSPยาวไป
"ทวิช" ซัด "วิชัยคูณ 3" ทำผิดกฎหมายพ.ร.บ.มาตรา 70 และข้อบังคับบริษัท พร้อมร่อนหนังสือถึงกระทรวงพาณิชย์ ค้านการตั้งกรรมการใหม่ คาดอาจเรียกประชุมใหม่เพื่อหาข้อยุติ ส่งผลให้ IFEC มีแนวโน้มติด SP อีกนาน!
นายทวิช เตชะนาวากุล เจ้าของนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30 – 11.00 น. ว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 60 วานนี้ (2 พ.ค.) ที่มีมติแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการเดิมที่ครบกำหนดตามวาระนั้น เป็นการลงคะแนนเสียงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนและข้อบังคับของบริษัท
โดยการเลือกตั้งวานนี้ เป็นการการลงคะแนนเสียงโดยใช้วิธีการเดิม เหมือนกับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา (14 ก.พ.) คือ การลงคะแนนเสียงแบบสะสม (Cumulative Voting) ซึ่งเป็นการนำคะแนนเสียงที่มีสิทธิ์ทั้งหมดมาคูณกับจำนวนกรรมการที่ต้องการ (กรรมการ 3 ราย) ซึ่งฝั่งตนต้องการ 3 ที่นั่ง ขณะที่ฝั่งนายแพทย์วิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ ต้องการเพียงแค่ที่นั่งเดียวเพื่อชนะการคัดเลือก จึงเป็นไปได้ว่าอาจมีการทุ่มคะแนนทั้งหมดไปที่บุคคลเพียงคนเดียว
ซึ่งปกติแล้วบริษัทมหาชนจะใช้พ.ร.บ.มาตรา 70 ในการเลือกตั้งคณะกรรมการ ซึ่งระบุไว้ว่า เว้นแต่บริษัทจะมีข้อบังคับกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น กรรมการนั้นให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้ ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถือคูณด้วยจำนวนกรรมการที่จะเลือกตั้ง, ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมด โดยเลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดก็ได้
และบุคคลซึ่งได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้งในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมี ให้เลือกโดยวิธีจับฉลากเพื่อให้ได้จำนวนกรรมการที่จะพึงมี
ส่วนในกรณีที่บริษัทมีข้อบังคับกำหนดวิธีการเลือกกกรมการไว้เป็นอย่างอื่น ข้อบังคับนั้นจะต้องไม่มีลักษณะเป็นการตัดสิทธิผู้ถือหุ้นในการลงคะแนนเลือกกรรมการ
ขณะเดียวกัน ข้อบังคับการเลือกตั้งกรรมการของบริษัทในข้อ 20 ได้ระบุว่า กำหนดให้ผู้ถือหุ้น 1 คน มีคะแนนเสียงเท่ากับ 1 หุ้น ต่อ 1 เสียง และผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะต้องใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่ทั้งหมดเลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ แต่จะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดไม่ได้ ซึ่งข้อบังคับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่จัดตั้งบริษัท
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าวิธีการลงคะแนนเสียงที่นายแพทย์วิชัยเลือกใช้นั้น ฝ่าฝืนข้อบังคับของบริษัทในข้อที่ 20 ดังนั้นฝั่งของตน จึงไม่ลงคะแนนเสียงในวาระที่ 3 ซึ่งมีทั้งหมด 448 ล้านเสียง และต่อมาจึงได้ยื่นหนังสือต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอคัดค้านการจดทะเบียนรายชื่อกรรมการชุดใหม่ เนื่องจากเป็นการลงคะแนนเสียงที่ขาดความชอบธรรม
สำหรับขั้นตอนถัดไป ตนเตรียมยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.เพื่อแจ้งถึงวิธีการเลือกตั้งของนายแพทย์วิชัย และให้เข้ามาตรวจสอบผู้จัดการประชุมและฝ่ายกฎหมาย และจะร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลต่อไป
“ยังไงผมก็สู้ต่อ ผมแพ้ในเรื่องคะแนนเลือกกรรมการ แต่ชนะในเรื่องใจและเสียงของผู้ถือหุ้นรายย่อยครับ” นายทวิช กล่าวทิ้งท้าย
อนึ่ง มติแต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการเดิมที่ครบกำหนดตามวาระวานนี้ (2 พ.ค.) ตัวแทนจากฝั่งนายทวิช ที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นกรรมการอีกวาระหนึ่ง ได้แก่ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ได้คะแนนเสียง 45,163,519 คะแนน และ นายปริญญา วิญญรัตน์ ได้คะแนนเสียง 41,791,868 คะแนน
ส่วนตัวแทนจากกลุ่ม “เทพผดุงพร” ซึ่งได้รับการลงคะแนนเสียงจากฝั่งนายแพทย์วิชัยด้วยนั้น ได้รับคะแนนเสียง 864,350,519 คะแนน จึงส่งผลให้กลุ่มนายแพย์วิชัย มีจำนวนกรรมการ 5 ที่นั่ง ส่วนนายทวิชมีเพียง 4 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 60 วานนี้ (2 พ.ค.) นายแพทย์วิชัย ได้เลือกใช้วิธีการลงคะแนนเสียงที่ผิดต่อกฎหมายพ.ร.บ.มาตรา 70 และบังคับของบริษัท ทำให้นายทวิช ได้ส่งหนังสือถึงกรมกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อคัดค้านการจดทะเบียนรายชื่อกรรมการชุดใหม่
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะไม่รับจดทะเบียนรายชื่อกรรมการชุดใหม่ ทำให้บริษัทจะต้องมีการจัดประชุมใหม่อีกครั้ง เพื่อคัดเลือกหากรรมการให้ครบตามจำนวน ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาการปิดงบการเงินปี 59 และปัญหาหนี้สินยืดเยื้อออกไป และแน่นอนว่าจะส่งผลให้ IFEC ยังคงติดเครื่องหมายห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์ (SP) ไปอีกนาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือ ครั้งที่ 2/2560 ในการพิจารณาเลือกตั้งคณะกรรมการใหม่ 7 ราย ทดแทนกรรมการเดิม นายแพทย์วิชัย ก็ใช้วิธีการลงคะแนนที่เป็นแบบสะสม (Cumulative Voting) เช่นเดียวกัน โดยนำคะแนนเสียงที่มีสิทธิ์ทั้งหมดมาคูณกับจำนวนกรรมการที่ต้องการ ซึ่งมีกรรมการทั้งหมด 7 ราย