DCORP เตรียมใช้เงิน 74.37 ลบ. เข้าซื้อหุ้น “บลู ฟีนิกซ์”
DCORP เตรียมใช้เงิน 74.37 ลบ. เข้าซื้อหุ้น 30% ใน "บลู ฟีนิกซ์"ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น-ถ่ายทอดสดออนไลน์
บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP เตรียมใช้เงินไม่เกิน 74.37 ล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 30% ในบริษัท บลู ฟีนิกซ์ ดิจิตัล จำกัด (บลู ฟีนิกซ์) ซึ่งประกอบธุรกิจอินเตอร์เน็ต ทั้งซอฟท์แวร์ และฮาร์ดแวร์ ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ การพัฒนาระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในราวเดือนมิ.ย.60 โดยหวังว่าการลงทุนครั้งนี้จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของส่วนผู้ถือหุ้น (EIRR) ประมาณ 20%
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) อนุมัติการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นแบบมีเงื่อนไข ระหว่างบริษัท ดีมีเตอร์ มีเดีย จำกัด (DMedia) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย และบริษัท ไทยเทรดคอมมูนิเคชั่น จำกัด เพื่อกำหนดข้อตกลงและเงื่อนไขเกี่ยวกับการเข้าลงทุนในธุรกิจการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและเว็บไซต์ เพื่อการทำธุรกรรมบนอินเตอร์เน็ต ซึ่งดำเนินการโดยบลู ฟีนิกซ์ โดยการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม และการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบลู ฟีนิกซ์
ทั้งนี้การทำธุรกรรมจะแบ่งเป็น การเข้าซื้อหุ้นบลู ฟีนิกซ์ จากผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 49.37 ล้านบาท และการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบลู ฟีนิกซ์ ที่จะดำเนินการเพิ่มทุนด้วยการออกหุ้นใหม่ 20,500 หุ้น พาร์หุ้นละ 100 บาท โดยจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนคิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 25 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมการเข้าซื้อหุ้นทั้งสองส่วนจะทำให้ DMedia เข้าถือหุ้นในบลู ฟีนิกซ์ สัดส่วน 30% โดยเงินลงทุนจะมาจากเงินกู้ยืมจากบริษัทแม่
สำหรับเงื่อนไขก่อนบังคับ จะประกอบด้วย การตรวจสอบสถานะของกิจการและทรัพย์สิน (Due Diligence) และที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบลู ฟีนิกซ์ อนุมัติการแต่งตั้งกรรมการใหม่ และแก้ไขเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการซึ่งผูกพันบลู ฟีนิกซ์ ตามที่ DMedia เสนอ
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทเข้าตรวจสอบสถานะ และพิจารณาถึงความเป็นไปได้การลงทุนในบลู ฟีนิกซ์ โดยได้รับความเห็นจากผู้ประเมินราคาอิสระ มีความเห็นว่า บลู ฟีนิกซ์ ซึ่งดำเนินธุรกิจถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming Platform) จะสามารถครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดได้กว่าครึ่งหนึ่งจากมูลค่าการตลาดรวมประมาณ 3.4 พันล้านบาท และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทางบริษัทจึงเห็นว่า การเข้าลงทุนครั้งนี้จะเป็นการนำร่องเข้าสู่ธุรกิจถ่ายทอดสดออนไลน์ และสามารถสร้างรายได้ในทันทีที่เริ่มเปิดระบบ รวมถึงเป็นการสร้างฐานไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในอนาคต
นอกจากนี้ ระบบแอพพลิเคชั่นของบลู ฟีนิกซ์ สามารถใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้ทุกระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นระบบ IOS หรือระบบ Android ตลอดจนสามารถใช้งานได้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งการใช้งานในทุกระบบมีความเชื่อมต่อกันตลอดเวลา
ทั้งนี้ การพัฒนาระบบดังกล่าวในช่วงแรกแบ่งรายการ ได้แก่ ระบบแอพพลิเคชั่น Angel on Duty เป็นการดำเนินการร่วมทุนระหว่างบลู ฟีนิกซ์ กับบริษัท ทรีแดนซ์ พับบลิชชิ่ง จำกัด (Maxim Thailand) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย.60 ซึ่งจะถ่ายทอด (Live) โดยทีม Maxim Thailand จำนวน 270 รายการ ประกอบด้วย Maxim Angles ที่มีความนิยมใน 200 อันดับแรกและกลุ่ม Attitude “Straight guys” จำนวน 70 รายการ เริ่มทดสอบระบบ (Test run) เมื่อเดือนมี.ค.60 และคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.60 โดยมีแผนที่จะประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทาง ทุกสื่อของ Maxim Thailand
โดยระบบ Finix TV เป็นระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming) สำหรับบุคคลธรรมดา ซึ่งสามารถลงทะเบียนเพื่อถ่ายทอดสดรายการของตนเองได้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมิ.ย.60 ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสด โดยกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวน 350 ราย โดยกลุ่มผู้จัดรายการดังกล่าวมีผู้ติดตามผ่าน Social Network จำนวนมาก เช่น ติดตามผ่าน Facebook จำนวนประมาณ 6 ล้านราย ,ผ่านระบบ Instagram จำนวนประมาณ 8 ล้านราย เป็นต้น คาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนมิ.ย.60 โดยจะประชาสัมพันธ์ผ่านทุกสื่อออนไลน์ Social Media
ทั้งนี้ระบบ Social Portal Media Platform เป็นการร่วมดำเนินการระหว่างบลู ฟีนิกซ์ กับกลุ่มผู้ผลิตรายการมืออาชีพ ซึ่งเป็นระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ โดยกลุ่มผู้ผลิตรายการมืออาชีพ จะเป็นผู้บริหารจัดการเนื้อหาของรายการ (Content) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนม.ค.61 ดำเนินการโดยใช้ Platform ลักษณะเดียวกับ Finix TV ส่วน Content มาจาก VJ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายการที่น่าเชื่อถือ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียด โดยการดำเนินธุรกิจของบลู ฟีนิกซ์นั้น จะมีรายได้หลักมาจากค่าของขวัญ (Gift/item) และค่าโฆษณาจากผู้สนับสนุนในรูปแบบต่าง ๆ