ITEL โชว์งบฯ Q1 พุ่งกระฉูด 58% มั่นใจปีนี้ธุรกิจทุกส่วนโตต่อเนื่อง
ITEL โชว์ผลงาน Q1/60 กำไรสุทธิโต 58.31% อยู่ที่ 18.43 ลบ. จากปีก่อน 11.64 ลบ. โดยมีรายได้หลักจากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสง หลังรุกพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นครอบคลุม 75 จังหวัด มั่นใจทุกธุรกิจเติบโตต่อเนื่องในปี 60 ล่าสุดแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.50 บาท มีผล 15 พ.ค.นี้
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/2560 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 187.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.37% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 160.08 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากงานบริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งถือเป็นรายได้หลักเติบโตสูงขึ้น 41.92% อยู่ที่ 117.58 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 82.85 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทมีการขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 75 จังหวัดทั่วประเทศ จากปี 2558 ที่มีอยู่เพียง 49 จังหวัด เพื่อให้โครงข่ายของบริษัทครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มเส้นทางเชื่อมต่อไปยังลูกค้า ในขณะเดียวกันโครงข่ายของบริษัทเป็นที่รู้จักและได้รับความไว้วางใจด้วยคุณภาพของการให้บริการ จึงทำให้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
โดยสัดส่วนรายได้หลัก มาจากการให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงร้อยละ 62.99 หรือมีรายได้อยู่ที่ 117.58 ล้านบาท รองลงมาเป็นการให้บริการติดตั้งโครงข่าย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.07 หรือมีรายได้อยู่ที่ 50.52 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้าเซ็นเตอร์ คิดเป็นสัดส่วน 9.94% ของรายได้จากการให้บริการ หรือคิดเป็นรายได้จำนวน 18.56 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอัตราการเข้าใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 95
“ใน Q1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 18.43 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 9.81 โดยเพิ่มขึ้นจากปี 59 เนื่องจากบริษัทสามารถหาลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น และควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจำนวน 53.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 10.06 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 28.91 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจให้บริการติดตั้งโครงข่ายเพิ่มขึ้น” นายณัฐนัย กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2560 และในอนาคต ธุรกิจ Data Service ของบริษัทมีแนวโน้มที่ดีจากความครอบคลุมของโครงข่ายถึง 75 จังหวัด ทำให้โครงข่ายมีเสถียรภาพมากขึ้น สร้างความพึงพอใจและเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ประกอบกับการที่บริษัทสามารถพิสูจน์ตนเองจนสร้างความน่าเชื่อถือกับลูกค้าได้ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น
ดังนั้น รายได้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณการใช้งานของลูกค้าเช่าวงจร ซึ่งบริษัทเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมและบริษัทเอกชนทั่วไป โดยปัจจุบันได้เพิ่มทีมงานทางด้านการขายเพื่อรองรับกับโอกาสทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และรองรับการใช้งานจากประเทศเพื่อนบ้าน
สำหรับธุรกิจ Data Center คาดว่ารายได้จะเติบโตจากปี 2559 เนื่องจากบริษัทได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเข้ามาใช้งานเพิ่มเติมและจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปีนี้ อีกทั้งบริษัทยังคาดหวังรายได้จากการร่วมทุนสร้าง Data Center แห่งใหม่ ที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ในรูปส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าอีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2560 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมหุ้นละ 1.00 บาท เหลือหุ้นละ 0.50 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.2560 นี้ เป็นต้นไป โดย เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2560 บริษัทได้ขออนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงราคาพาร์
ทั้งนี้ เพื่อให้หุ้นมีสภาพคล่องสูงขึ้น และเป็นการกระจายการถือหุ้นไปยังผู้ลงทุนได้มากขึ้น และเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนมากขึ้น