QTC มั่นใจ H2 เทิร์นอะราวด์-ลุ้นผถห.ไฟเขียวลงทุนโรงไฟฟ้าเมียนมาร์

QTC มั่นใจผลงาน H2/60 เทิร์นอะราวด์ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 1 พันลบ. พร้อมลุยประมูลงานภาครัฐต่อเนื่อง – ลุ้นผู้ถือหุ้นไฟเขียวลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมาร์ กำลังการผลิต 220MW


นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC เปิดเผยว่า แนวโน้มการเติบของธุรกิจมีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังของปี 60 ที่บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ โดยทั้งปี 60 ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 1 พันล้านบาท ซึ่งในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.ได้ทยอยส่งมอบสินค้าไปแล้ว 200 ล้านบาท และยังมีออเดอร์ในมือ (Backlog) ที่จะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก จำนวน 400 ล้านบาท

ส่วนในไตรมาส 2/60 บริษัทมีแผนการประมูลงานในส่วนของภาครัฐ เช่น การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่าราว 1 พันล้านบาท และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) มูลค่าราว 1 พันล้านบาท เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะสามารถคว้างานได้ไม่ต่ำกว่า 300-350 ล้านบาท และมียอดสั่งสินค้าจากลูกค้าต่างประเทศ รวมทั้งงานจากภาคเอกชนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

“ผลการดำเนินงานของบริษัทเริ่มมีสัญญาณการเติบโตที่ชัดเจนมากขึ้น จากแผนการทำการตลาดต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ บวกกับการเปิดโครงการใหม่ของภาครัฐ และเอกชนที่มีเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ความต้องการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าปรับตัวดีขึ้น” นายพูลพิพัฒน์ กล่าว

สำหรับการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่ 31 พ.ค. 60 เพื่อขอมติให้ บริษัท คิวทีซี โกลบอลเพาเวอร์ จำกัด หรือ QTCGP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ถือหุ้น 99.99% เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในเมืองมินบู สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 170 เมกะวัตต์ โดย QTCGP ในฐานะผู้ซื้อจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของ บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GEP Thailand เพื่อซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวจาก Noble Planet Pte. Ltd. และ Planet Energy Holdings Pte. Ltd.

ทั้งนี้ บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด หรือ GEP Thailand ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบัน GEP Thailand เป็นผู้ถือหุ้น 99.99% และเป็นผู้ได้รับสัมปทานในรูปแบบ BuildwOperatewTransfer (BOT) ในการพัฒนาและดำเนินโครงการฯ และเป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement หรือ สัญญา PPA) กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 30 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของระยะที่ 1 กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 170 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น 4 ระยะและคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 3/2561

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 สิ้นสุด 31 มี.ค.60 บริษัทมีรายได้รวม 202.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.30  ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 86.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 132.91% และมีขาดทุนสุทธิ 18.16 ล้านบาท ลดลง 26.78% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 24.81 ล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้จากการขายหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ตามการลงทุนของโครงการของภาครัฐ และยอดการส่งออกต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นด้วย

Back to top button