ชัดแล้ว! “บินไทย” ปล่อยนก จับตากลุ่ม “ซัมมิท” เสียบขึ้นเบอร์ 1
ชัดแล้ว! “การบินไทย” ไม่ใช้สิทธิเพิ่มทุนหุ้น NOK จับตากลุ่ม "ซัมมิท" เสียบขึ้นเบอร์ 1 แทน ฟาก NOK ยันได้รับเงินเพิ่มทุนเพียงพอรองรับแผนการใช้เงิน แม้ THAI ไม่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (24 พ.ค.) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ได้ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับกรณีการเพิ่มทุนจดทะเบียน ซึ่งสิ้นสุดการจองซื้อไปแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 ของของบริษัท ไม่ได้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสิทธิ
อย่างไรก็ตามบริษัทยืนยันว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้นรายอื่นที่จองซื้อหุ้นของบริษัทเข้ามาทั้งตามสิทธิ และจองเกินสิทธิ ทำให้บริษัทได้รับเงินเพิ่มทุนส่วนใหญ่ซึ่งเพียงพอต่อแผนการใช้เงินของบริษัท โดยไม่ส่งกระทบต่อสภาพคล่องหรือการดำเนินธุรกิจของบริษัท และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดเตรียมรายงานผลการขายหุ้นเพื่อนำส่งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้จากการที่ THAI ไม่ใช้สิทธิทำการซื้อหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวส่งผลให้มีการประเมินว่าสัดส่วนการถือหุ้นจะถูก dilution effect จากระดับ 39% เหลือเพียง 19% โดยคำนวนได้จากอัตราส่วนการเพิ่มทุน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 2.40 บาท จะส่งผลให้จำนวนหุ้นจดทะเบียนทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 625 ล้านหุ้น เป็น 1,250 ล้านหุ้น และเมื่อนำจำนวนหุ้นที่ THAI ถืออยู่ทั้งหมด 245 ล้านหุ้น มาเทียบเพื่อหาสัดส่วนการถือหุ้นจะได้ตัวเลขดังกล่าวข้างต้น
ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่าหากกลุ่ม “จุฬางกูร” ซึ่งมีนายณัฐพล จุฬางกูร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถือครองหุ้นอยู่ทั้งหมด 75,500,000 หุ้น หรือคิดเป็น 12.08% ส่วนนายทวีฉัตร จุฬางกูร เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 63,825,900 หุ้น หรือคิดเป็น 10.21% ใช้สิทธิทำการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวนตามสัดส่วนที่ถือครองหุ้น กลุ่มจุฬางกูรจะขึ้นมาเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อับดับ 1 ถือครองหุ้นทั้งหมด 22% และจะมีอำนาจในการบริหารกิจการสูงสุดแทน ส่งผลให้ THAI ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ NOK อีกต่อไป
อนึ่ง ทวีฉัตร จุฬางกูร เป็นบุตรคนที่ 2 ของ สรรเสริญ และ หทัยรัตน์ จุฬางกูร โดยมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน ได้แก่ อภิชาติ ,กรกรช, วุฒิภูมิ, ณัฐพล และอัครพล ซึ่งตระกูลดังกล่าวเป็นเจ้าของกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทกรุ๊ป ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย