THAI-SCB-“พาที” เมินใช้สิทธิ์เพิ่มทุน เปิดทางกลุ่มใหม่ชิมลาง “นกแอร์”

THAI-SCB-"พาที" เมินใช้สิทธิ์เพิ่มทุน เปิดทาง "ชาย ศรีวิกรม์" ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ฟากตระกูล "จุฬางกูร" ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 รวมถือ 28.93% แซงหน้า "เจ้าจำปี"


สืบเนื่องจากกรณีที่บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 625 ล้านบาท เป็น 1.41 พันล้านบาท โดยวิธีการออกหุ้นใหม่จำนวน 781.25 ล้านหุ้น และได้มีการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 625 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 2.40 บาท

โดยมีจำนวนหุ้นที่ขายได้ทั้งหมด 510,999,882 หุ้น และจำนวนหุ้นคงเหลือ 114,000,118 หุ้น ซึ่งบริษัทได้รับจำนวนเงินที่ได้รับสุทธิจากการขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวทั้งหมด 1.22 พันล้านบาท

ภายหลังการเพิ่มทุน มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 10 ราย ดังนี้

คลิกที่รูปภาพเพื่อขยายขนาด

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่อับดับที่ 1 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI และธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 4 ก่อนการเพิ่มทุนไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแต่อย่างใด ขณะที่นายพาที สารสิน ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 5 ก่อนการเพิ่มทุนใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพียง 2,000,000 หุ้นเท่านั้น

ขณะที่ตระกูลจุฬางกูร ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 แทน THAI โดยนายณัฐพล จุฬางกูร ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 2 ก่อนการเพิ่มทุน จากเดิมถือหุ้นอยู่เพียง 75,500,000 หุ้น และได้ใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวน  โดยภายหลังการเพิ่มทุน นายณัฐพล ถือหุ้นอยู่จำนวน 151,000,000 หุ้น  และนายทวีฉัตร จุฬางกูร ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 3 ก่อนการเพิ่มทุน จากเดิมถือหุ้นอยู่เพียง 63,825,900 หุ้น ซึ่งใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินจำนวน โดยภายหลังการเพิ่มทุน นายทวีฉัตร ถือหุ้นอยู่จำนวน 177,651,800 หุ้น

ด้านนายสุวิทย์ สัมพัฒนวรชัย ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 6 ก่อนการเพิ่มทุน และนายบุญส่ง เสริมศรีสุวรรณ ผู้ถือหุ้นลำดับที่ 8 ก่อนการเพิ่มทุน ได้ใช้สิทธิ์ในการเพิ่มทุนเต็มจำนวน

นอกจากนี้ยังปรากฏรายชื่อของนายชาย ศรีวิกรม์ ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 4 ภายหลังการเพิ่มทุน ซึ่งก่อนการเพิ่มทุนไม่มีรายชื่อดังกล่าวอยู่ในผู้ถือหุ้นใหญ่ 8 อันดับ แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ นายชาย ศรีวิกรม์ ต้องถือหุ้นต่ำกว่าจำนวน 3,200,000 หุ้น แต่ภายหลังจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ นายชาย ศรีวิกรม์ ได้ใช้สิทธิ์ในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินจำนวน และส่งผลให้ขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 ด้วยจำนวน 32,308,200 หุ้น ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตาว่าการที่ตระกูล “ศรีวิกรม์” เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ NOK และกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ลำดับต้นๆ นั้น จะเป็นการเข้าลงทุนในระยะยาว หรือเพียงการเก็งกำไรสั้นๆ

อนึ่ง นายชาย ศรีวิกรม์ เป็นอดีตกรรมการบริหาร บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH โดยปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใน บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ LVT ลำดับที่ 13 ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดจำนวน 0.77% และถือหุ้นในบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ในลำดับที่ 8 ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดจำนวน 1.08% ขณะที่นายชาญ ศิวกรม์ (แฝดผู้พี่) ถือหุ้น XO ในลำดับที่ 20 ถือหุ้นอยู่ทั้งหมดจำนวน 0.67%

Back to top button