MJD จ่อเปิด10โครงการใหม่ในปีนี้ ตุน Backlog 1 หมื่นลบ.รับรู้ฯปี60-61
MJD ตั้งเป้ารายได้ช่วง 5 ปี (60-64) แตะ 1 หมื่นลบ. หลังมีแผนขยายพื้นที่ให้เช่าในโครงการอาคารสำนักงาน – จ่อเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นลบ. ฟุ้งตุน Backlog แล้ว 1 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้ฯในปี 60-61
นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายใน 5 ปี (ปี 60-64) จะมีรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมกับตั้งเป้าหมายในปี 64 จะมีสัดส่วนรายได้ที่เป็นรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มเป็น 20% หรือมีรายได้ประจำเฉลี่ย 100 ล้านบาท/เดือน จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ประจำในสัดส่วนที่น้อยมาก
โดยการเพิ่มรายได้ประจำของบริษัทจะมาจากการขยายพื้นที่เช่าของโครงการอาคารสำนักงานภายในปี 64 ให้เพิ่มเป็น 150,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จากปัจจุบันมีพื้นที่เช่าอาคารสำนักงานอยู่ที่ 10,000 ตร.ม. ของโครงการ เมเจอร์ ทาวเวอร์ ซอยทองหล่อ 10 ที่มีอัตราการเช่าเต็ม 100% ซึ่งสร้างรายได้ประจำเข้ามาราว 8 ล้านบาท/เดือน
ส่วนการลงทุนอาคารสำนักงานใหม่ในอนาคตวางแผนที่จะพัฒนาอย่างน้อย 1-2 โครงการ/ปี ซึ่งจะสามารถช่วยผลักดันให้มีจำนวนพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานแห่งใหม่พื้นที่เช่า 30,000 ตร.ม. ในย่านพระราม 9-รามคำแหง มูลค่าโครงการกว่า 2 พันล้านบาท เฉพาะในส่วนของอาคารสำนักงาน ซึ่งอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูสที่มีโครงการคอนโดมิเนียม มูลค่าราว 1.5 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการอาคารสำนักงานดังกล่าวภายในเดือนต.ค.นี้ และคาดว่าใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 1 ปี
ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ของบริษัทในปีนี้วางแผนเปิดทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 2 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท ,คอนโดมิเนียม 7 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท และอาคารสำนักงาน 1 โครงการ มูลค่า 2 พันล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดจะเปิดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ทั้งหมด
ในส่วนโครงการแนวราบที่จะเปิดในปีนี้ จำนวน 2 โครงการ จะนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทเริ่มพัฒนาโครงการแนวราบ ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับบน ราคาขายต่อยูนิตอยู่ที่ 70-100 ล้านบาท ทำเลที่ตั้งอยู่ใน CBD และเป็นแบรนด์ใหม่ของบริษัท โดยเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมขาย เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นบ้านจริงที่เสร็จแล้ว เพราะต้องการให้ลูกค้าเห็นโครงการที่พร้อมอยู่จริง และมองว่าลูกค้าในกลุ่มดังกล่าวมีความสามารถในการซื้อแม้ว่าจะไม่ใช่เป็นช่วงราคาตอนเปิดพรีเซลซึ่งเป็นราคาพิเศษ
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมโครงการแรกที่เปิดในปีนี้ คือ โครงการ มาเอสโตร 19 รัชดา 19-วิภา มูลค่าโครงการเกือบ 1.7 พันล้านบาท ซึ่งมีกำหนดเปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างที่โครงการในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ และจะมีการจัดงานพรีเซลในวันที่ 24-25 มิ.ย. 60 โดยโครงการคอนโดมิเนียมของบริษัทในปีนี้จะยังคงจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน โดยมีระดับราคาขายอยู่ที่ 2.8 ล้านบาท/ยูนิต ขึ้นไป
โดยบริษัทยังเชื่อว่าโครงการระดับกลาง-บน จะเป็นโครงการที่ได้รับผลกระทบและมีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจที่น้อยมาก ซึ่งแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี แต่ในแง่ของการตัดสินซื้อนั้น ไม่ได้ชะลอตัวตาม และปัจจุบันยังมีความต้องการที่จะซื้ออาศัยอยู่มาก อีกทั้งลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง โดยมีการกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่น้อยมาก โดยแทบจะไม่มีอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเลย
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในปี 60 จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 5.4 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 411.82 ล้านบาท โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกอย่างมีนัยสำคัญ เพราะในช่วงครึ่งปีหลังจะมีโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหญ่ มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท ที่สร้างเสร็จและเริ่มทยอยโอนตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เข้ามาหนุนรายได้ของบริษัท
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้เข้ามาส่วนใหญ่ภายในปี 60-61 และมีมูลค่าสต็อกที่พร้อมขายกว่า 4 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม M Silom และ M Ladproa
ส่วนยอดขายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 2 พันล้านบาท พร้อมกับตั้งงบลงทุนในปีนี้อยู่ที่ 6 พันล้านบาท โดยใช้ซื้อที่ดิน 3 พันล้านบาท และใช้ในการก่อสร้างและอื่น ๆ อีก 3 พันล้านบาท
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดว่ามีโอกาสขาดทุนต่อเนื่องจากไตรมาส 1/60 ที่ขาดทุนอยู่ที่ 104.53 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่มีการรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เข้ามา