SQ มั่นใจกำไรปีนี้นิวไฮ เดินหน้าลงทุนเหมืองทั้งใน-ตปท.
SQ มั่นใจกำไรปีนี้นิวไฮ หลังรับรู้รายได้เหมืองแม่เมาะ 7-8 เผยเตรียมเข้าประมูลเหมืองแม่เมาะ 9 มูลค่ากว่า 4 หมื่นลบ. คาดรู้ผล Q4/60 เดินหน้าศึกษาเหมืองกลุ่มประเทศ CLMV เพิ่ม
นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ ตามการเติบโตของรายได้ จากปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 322 ล้านบาท และรายได้ 2.9 พันล้านบาท
โดยในปีนี้บริษัทรับรู้รายได้จากโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ในช่วงแรกเข้ามา ซึ่งเป็นงานที่ให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูง ขณะที่เหมืองแม่เมาะ 7 ก็มีการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการดำเนินงานเหมืองแม่เมาะ 8 ในระยะแรกสามารถทำได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ โครงการเหมืองหงสาก็สามารถทำงานดีขึ้น หลังจากการปรับปรุงโรงไฟฟ้าหงสาให้เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้นจากปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Baqcklog) ทั้งหมด 3.75 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในช่วง 10 ปีนี้
“การรับรู้รายได้ในเหมืองแม่เมาะ 8 มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูงในช่วงระยะแรกเนื่องจากต้องใช้เครื่องจักรขนาดเล็กช่วงแรกโครงการ ในขณะเดียวกันเรายังสามารถดำเนินการได้เร็วกว่าที่คาดด้วย นอกจากนี้เรายังมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ส่งผลให้เรายังมั่นใจว่าจะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่า 10% ได้ และด้วยงานที่เพิ่มขึ้นเราจึงมั่นใจว่ากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้”นายศาศวัต กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/60 จะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามปริมาณงานที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามผลงานอาจจะต่ำกว่าไตรมาส 1/60 เนื่องจากปกติแล้วในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงที่ฝนน้อยทำให้บริษัททำปริมาณงานได้ดี
ทั้งนี้บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานโครงการเหมืองแม่เมาะ 9 มูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ยื่นซองประมูลวันที่ 15 ส.ค. และคาดว่าจะรู้ผลประมูลในไตรมาส 4/60 ก่อนที่จะเซ็นสัญญาในช่วงไตรมาส 1/61 โดยบริษัทมีความคาดหวังค่อนข้างมากที่จะได้รับงานดังกล่าว และหากชนะประมูลก็อาจจะต้องมีการเพิ่มทุน แต่ก็คงเป็นการเพิ่มทุนในจำนวนที่ไม่มากนัก เนื่องจากบริษัทยังมีเงินสดในมือบางส่วนและสามารถกู้จากสถาบันทางการเงินได้เพิ่มเติมด้วย
“โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนสูงถึงราว 1 หมื่นล้านบาท แต่จะไม่ใช่เป็นการเพิ่มทุนในทันที แต่จะเป็นการเพิ่มในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ในปี 63″นายศาศวัต กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าไปถือหุ้นใน บริษัท โปแตช ไมนิง จำกัด ที่ถือหุ้นโดยรัฐวิสาหกิจของประเทศเบลารุส ร่วมกับพันธมิตรที่เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากบริษัท เหมืองแร่โปแตชอาเซียน จำกัด (มหาชน) พัฒนาในส่วนใต้ดินเหมืองโปแตชที่จังหวัดชัยภูมิ อย่างไรก็ตาม หากบริษัทพิจารณาแล้วราคางานและมาร์จิ้นไม่ดี ก็คงจะไม่ลงทุน โดยคาดว่าการศึกษาเรื่องดังกล่าวจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/60 นี้
ทั้งนี้นอกจากการลงทุนงานเหมืองในประเทศแล้ว บริษัทยังเข้าไปลงทุนในเหมืองดีบุกในประเทศพม่าที่เหลือระยะเวลาของสัมปทาน 7 ปี โดยจะใช้งบลงทุนราว 500-600 ล้านบาท และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในเดือน ก.ย.นี้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าไปศึกษาเหมืองต่างๆ เพิ่มเติมในกลุ่มประเทศ CLMV แต่คงยังต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก เนื่องจากยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎหมายและการเมืองในประเทศเหล่านั้นด้วย
ส่วนแผนการลงทุนในโครงการไฟฟ้าพลังงานลมนั้น ยังคงต้องรอความชัดเจนของภาครัฐ แต่เบื้องต้นบริษัทได้เตรียมร่วมลงทุนกับพันธมิตรทั้งหมด 3 ราย คือ เจ้าของที่ดินจะถือหุ้นในสัดส่วน 70% และ บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ถือหุ้นในสัดส่วน 15% ส่วน SQ จะถือหุ้นในสัดส่วน 15% โดยโครงการดังกล่าวจะมีกำลังการผลิตทั้งหมด 240 เมกะวัตต์