PYLON คาดกำไร H2/60 ดีกว่า H1/60 หลังภาครัฐ-เอกชนเริ่มทยอยลงทุน
PYLON คาดกำไร H2/60 ดีกว่า H1/60 หลังภาครัฐ-เอกชนเริ่มทยอยลงทุน ตุนแบ็คล็อค 330 ลบ.รับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด เผยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรร่วมรับงานตปท.
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิครึ่งหลังปีนี้น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก จากโครงการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนที่เริ่มทยอยก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม ,สายสีเหลือง และสีชมพู โดยรถไฟฟ้าสายสีส้มมีแผนจะเริ่มลงเสาเข็มในเดือน มิ.ย.60 ซึ่งการลงทุนของภาครัฐดังกล่าวน่าจะส่งผลต่อความต้องการงานเสาเข็มที่น่าจะปรับตัวสูงขึ้นด้วย
สำหรับงานภาคเอกชน ในส่วนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายก็วางแผนที่จะเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ ตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป รวมถึงงานโครงการ One Bangkok ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ที่น่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงปลายปีนี้ ก็น่าจะส่งผลดีต่องานเสาเข็มของบริษัทด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการรับเหมาขนาดใหญ่ที่มีงานในต่างประเทศ เพื่อเข้าไปร่วมรับงานเสาเข็มในประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ และลดความเสี่ยงของปริมาณงานในมือ โดยปัจจุบัน บริษัทมีชุดเสาเข็มเจาะ 21-22 ชุด กำลังการผลิตที่มีนับว่าเพียงพอต่อการไปรับงานในต่างประเทศ และมีความพร้อมในการลงทุนเสาเข็มเจาะเพิ่ม ด้วยเงินสดในมือที่มีอยู่สูงถึง 200-300 ล้านบาท และไม่มีหนี้ ทำให้มีศักยภาพในการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม
ขณะที่ปีนี้บริษัทจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ระดับ 25% และ 15% ตามลำดับ จากปีก่อนอยู่ที่ 24.44% และ 15.98% ตามลำดับ จากรายได้ค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามปริมาณงานที่น่าจะมีออกมามากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ และเป็นงานโครงการที่มีมูลค่าและมาร์จิ้นสูง
“ภาวะอุตสาหกรรมตั้งแต่ปีที่แล้ว ยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ ๆ ปีนี้ก็ยังเหมือนเดิมต้องรอจนกว่าจะปลายปีที่จะเริ่มเห็นการลงทุนภาครัฐ ที่คาดจะออกมามากขึ้น ซึ่งคาดน่าจะได้เห็นผู้รับเหมาเสาเข็มงานเต็มมืออย่างน้อยก็อีก 2 ปี โดยยังมีงานภาครัฐขนาดใหญ่ที่จะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง” นายชเนศวร์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 ถือว่าเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่ได้มีปัจจัยลบ หรือปัจจัยบวกเข้ามาส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบริษัทยังไม่สามารถประเมินได้ว่าผลการดำเนินงานจะออกมาในทิศทางใด จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่ราว 330 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด