บล.โกลเบล็ก มอง SET แกว่ง 1,550-1,580 จุด แนะจับตาประชุมเฟด

บล.โกลเบล็ก มอง SET แกว่งตัวในกรอบ 1,550-1,580 จุด แนะจับตาประชุมเฟดคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% แนะ Selective Buy ในหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณรอบใหม่ของ SET50 และ SET100 โดยจะประกาศผลราวปลายสัปดาห์นี้


น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้แรงบวกจากกรณีความกังวลสถานการณ์การเมืองสหรัฐลดลงหลังคำให้การของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายโดนัลด์ ทรัมป์

รวมทั้งความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคม โดยรถไฟไทย-จีนมีแนวโน้มจะใช้ม.44 แก้ปัญหาความล่าช้า รถไฟ 3 เส้นทางคาดจะเสนอให้ครม.พิจารณาในอีก 2 เดือน ส่วนโครงการรถไฟฟ้า 6 สายคาดจะเสนอครม.อนุมัติในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ประกอบกับการประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50 และ SET100 รอบใหม่ในช่วงกลางเดือนมิ.ย. และการทำ Window Dressing ช่วงปลายเดือนมิ.ย.

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันอ่อนตัวลงจากความกังวลภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มขึ้น 8 แท่นสู่ 741 แท่นโดยเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 21 ติดต่อกัน และ Fund Flow ต่างชาติผันผวนจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้

ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อไป ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่งโพลล์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%เป็น 1.25% และ ในวันที่ 15 มิ.ย. สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือน พ.ค.

ส่วนวันที่ 16 มิ.ย. ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงิน และกำหนดประชุมคณะกรรมการโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเพื่อพิจารณากรอบแผนงานและวิธีการคิดในการผลักดันให้อีอีซีบรรลุเป้าหมายที่กำหนดภายในสิ้นปีนี้

ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ผันผวนจากคาดการณ์การประชุม FOMC จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% รวมถึงราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงเป็นลบต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อกลุ่มหุ้นที่มีประเด็นข่าวรายตัวช่วยพยุงดัชนีไม่ให้ทรุดตัวลงแรง

ดังนั้น ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะแกว่งตัวในกรอบ 1,550-1,580 จุด โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในแบบ Selective Buy ในหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณรอบใหม่ของ SET50 ได้แก่ EA, MTLS, BJC, BPP และ TISCO และ SET100 ได้แก่ BCPG, WORK, ANAN และ GFPT โดยจะประกาศผลราวปลายสัปดาห์นี้

ขณะที่แนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ผลการเลือกตั้งอังกฤษเป็นไปตามโพลล์ รัฐบาลใหม่ขาดความเป็นเอกภาพ ตลาดจึงคาดหวังกับ soft Brexit ในขณะที่เฟดมีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้และอีกครั้งในช่วงสิ้นปี ส่วนการปรับลดงบดุลของสหรัฐคาดว่าจะค่อย ๆ ปรับลดตามสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาสถานการณ์ให้สอดคล้องกับแนวนโยบายของรัฐบาลและการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ FOMC บางท่านโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ และไม่ให้ตลาดเงินตลาดทุนเกิดความผันผวน ทำให้เงินดอลลาร์ยังคงถูกกดให้อ่อนค่าต่อไป แม้สกุลยูโรและปอนด์กำลังอ่อนค่าก็ตาม

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าสินทรัพย์เสี่ยงจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังการประชุม FOMC จากความมั่นใจของนักลงทุนที่เห็นทิศทางการดำเนินมาตรการของ Fed มากขึ้น ซึ่งปัจจัยเสริมจะมาจากการที่ BOJ กล่าวเชิงสนับสนุนการขยายตัวของญี่ปุ่นตามค่าดัชนีเศรษฐกิจที่สะท้อนออกมา

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยข้างต้นดังกล่าวทั้งหมดล้วนส่งผลรวมให้ตลาดทองคำชะลอตัวและแกว่งแคบลง ขณะที่การไหลลงของราคาสู่ระดับแนวรับระยะสั้นใกล้ 1,260 ดอลลาร์ เป็นระดับที่น่าเสี่ยง trading long เพื่อเล่นรอบรีบาวด์สั้น ๆ สู่แนวต้าน 1,280 ดอลลาร์ (ฝั่ง long ควร stop loss ถ้าราคาหลุด 1,260 ดอลลาร์) และดัก short ที่ระดับ 1,285-1,295 ดอลลาร์

Back to top button