AOT ตั้งเป้าผู้โดยสารปี59/60โต7% เล็งดึงเอกชนลงทุนแอร์พอร์ตซิตี้
AOT ตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารงวดปี 59/60 โต 7% จากปีก่อน เล็งดึงเอกชนเข้าลงทุนโครงการแอร์พอร์ตซิตี้ ตั้งงบลงทุน 10 ปี (ปี 59-68) ที่ 2.2 แสนลบ.ใช้ในการขยายสนามบิน 6 แห่ง
นายอาทร สพันธุ์พงษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารปี 59/60 (ต.ค.59-ก.ย.60) จะเติบโตได้ราว 7% จากระดับ 120 ล้านคนในปี 58/59 หลังจากช่วงครึ่งแรกของปี 59/60 จำนวนผู้โดยสารเติบโตแล้ว 7.09% ขณะที่คาดว่าปี 59/60 จะมีจำนวนเที่ยวบินเติบโต 5-6 % จากระดับ 7.76 แสนเที่ยวบินในปีก่อน ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกจำนวนเที่ยวบินเติบโต 6.79%
ทั้งนี้ จากจำนวนผู้โดยสาร และเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าผลประกอบการในปี 59/60 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 7-8% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5.28 หมื่นล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนระยะ 10 ปี (ปี 59-68) บริษัทยังคงไว้ที่ 2.2 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายสนามบินทั้งหมด 6 แห่ง ซึ่งเมื่อดำเนินการขยายสนามบินแล้วเสร็จทั้งหมด จะทำให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 180 ล้านคน/ปี
ด้านความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 มูลค่า 6.25 หมื่นล้านบาท ที่เหลืออีก 4 สัญญาจะเปิดประมูลได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่การประมูลจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) วงเงิน 2.89 พันล้านบาท ได้กิจการร่วมค้า IRTI ประกอบด้วย บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) บริษัท เรืองรงค์ จำกัด บริษัท ที.อี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้ชนะประมูล
ขณะที่ บริษัทยังได้ตั้งเป้าอนาคตสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน (Non-Aeronautical) ให้เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% เพื่อที่จะให้รายได้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาที่จะให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในโครงการแอร์พอร์ตซิตี้ ประกอบด้วย ช็อปปิ้งมอลล์ โรงแรม โลจิสติกส์ และอื่น ๆ อีก
ทั้งนี้ บริษัทมีที่ดินว่าง 2 แปลง แปลงแรก ติดสนามบินสุวรรณภูมิ เนื้อที่ 400-500 ไร่ อยู่ระหว่างเจรจากับกรมธนารักษ์เกี่ยวกับการเรียกเก็บส่วนเพิ่มการใช้ประโยชน์สินทรัพย์ (ROA) ย้อนหลังตั้งแต่ปี 45 โดยบริษัทอยู่เจรจาให้เริ่มเก็บในปีที่สนามบินสุวรรณภูมิเปิดบริการ และเก็บเฉพาะพื้นที่ Non-Aeronautical เท่านั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ก.ย. นี้
ส่วนแปลงที่ 2 เนื้อที่ 723 ไร่ เป็นที่ดินของบริษัทแต่อยู่ภายนอกสนามบินสุวรรณภูมิ โดยบริษัทจะเลือกทำในพื้นที่ของกรมธนารักษ์ก่อน หากว่าได้ข้อตกลงที่มีความเหมาะสม แต่หากไม่ได้ข้อตกลงที่มีความเหาะสมบริษัทก็จะเลือกเข้าไปทำในอีกพื้นที่หนึ่ง
นายอาทร กล่าวอีกว่า บริษัทยังคงยืนยันนโยบายการจ่ายเงินปันผลในระดับไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการลงทุนจำนวนมากในช่วงปีนี้ไปจนถึงปี 68 เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือ 6.2 หมื่นล้านบาทที่รองรับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง