ไอ้โม่งปล้นตลาดฯ “เสรี” ซัดไร้หลักการ-หวั่น Settlement มีปัญหา!
ไอ้โม่งปล้นตลาดฯ "เสรี" ซัดไร้หลักการ-หวั่น Settlement มีปัญหา! หากเงินสดเพื่อสำรองในกรณีฉุกเฉินมีไม่เพียงพอ
จากกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ออกเอกสารรับฟังความคิดเห็นเรื่อง แก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (Capital Market Development Fund (CMDF)) โดยมีข้อเสนอในการปรับปรุงบทบาทของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. โดยแยกหน้าที่ในการส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนออกจาก exchange function
ล่าสุด ในวันนี้ (21 มิ.ย.) นายเสรี จินตนเสรี ประธานคณะกรรมการบริษัท เสรีมานพ แอนด์ดอยล์ จำกัด และอดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ว่า หลักการดำเนินงานที่ผ่านมาของตลท. จะเน้นสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งวัดได้จากผลงานการพัฒนาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกำกับดูแลซื้อขายหลักทรัพย์ในเบื้องต้น การเผยแพร่ข้อมูล เทคโนโลยีต่างๆ เป็นต้น
รวมทั้งการสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร โดยการสะสมเงินในรูปแบบกองทุนเพื่อความเชื่อมั่น ซึ่งเปรียบเสมือนกับที่กฎหมายมีข้อบังคับให้ บจ.ต่างๆ ต้องนำกำไรส่วนหนึ่งมาเก็บไว้เป็นเงินสำรองเพื่อความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม ในการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (Capital Market Development Fund (CMDF)) ระบุว่า ต้องดึงเงินจากตลท.จำนวน 8 พันล้านบาท โดยที่คณะกรรมการกองทุนก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับตลท. และยังไม่มีรายละเอียดและแผนการดำเนินการของกองทุนออกมาอย่างชัดเจนว่าจะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้ดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้เมื่อตลท.ต้องนำเงินจำนวน 8 พันล้านบาทซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร รวมทั้งต้องนำกำไรร้อยละ 90 ส่งให้กับกองทุน CMDF เป็นรายปีก็จะทำให้ตลท.ไม่มีเงินเก็บสำรองไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ตลท.จำเป็นต้องมีเงินสดไว้ใช้ “เคลียร์ริ่ง” เมื่อเกิดการตื่นตระหนกของนักลงทุน อาทิ ปัญหาเรื่อง Settlement หรือการซื้อขายที่คนซื้อสินค้าไม่ได้รับสินค้า ส่วนคนขายก็ไม่ได้รับเงิน อย่างน้อย 6 พันล้านบาทมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้นักลงทุนสามารถกลับมาซื้อขายแล้วได้รับสินค้าหรือเงินได้ตามปกติดังเดิม ดังนั้น หากตลท.ไม่มีเงินสดอยู่ในมือเพียงพอก็จะส่งผลให้ตลท.ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ทันท่วงที จึงอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของนักลงทุนต่อตลท.ลดลง