ตลท.คงเครื่องหมาย SP-ขึ้น NP หุ้น EARTH หลังก.ล.ต.สั่ง special audit
ตลท.คงเครื่องหมาย SP พร้อมขึ้นเครื่องหมาย NP หุ้น EARTH หลังก.ล.ต. สั่งผู้สอบบัญชีตรวจสอบรายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า-เงินจองสิทธิในการซื้อสินค้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์โดยการขึ้นเครื่องหมาย SP ของบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.60 เนื่องจากบริษัทแจ้งการผิดนัดชำระหนี้กับสถาบันการเงินและเข้าเงื่อนไขผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้อีก 5,500 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและฐานะการเงินของบริษัท
โดย EARTH ได้ชี้แจงเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.60 ว่าการผิดนัดชำระหนี้ทำให้บริษัทต้องดำเนินธุรกรรมต่างๆ ในรูปแบบเงินสดมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อการบริหารสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทอย่างยากลำบาก การประกอบธุรกิจของบริษัทมีการชะลอตัว ฐานะการเงินและผลการดำเนินการของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาผ่อนผันและข้อตกลงกับเจ้าหนี้ โดยที่บริษัทยังมิได้ชี้แจงผลกระทบที่ชัดเจนว่าปัจจุบันบริษัทมีการดำเนินธุรกิจอยู่หรือไม่ อย่างไร
ขณะที่ต่อมาวันที่ 23 มิ.ย.60 สำนักงาน ก.ล.ต. ได้สั่งให้ EARTH จัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) รายการเงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้าและเงินจองสิทธิในการซื้อสินค้า เนื่องจากธุรกิจหลักของ EARTH คือการซื้อขายถ่านหิน (Trading) ซึ่งการบริหารสภาพคล่องเป็นสิ่งสำคัญและบริษัทใช้แหล่งเงินทุนจากการขอสินเชื่อและการออกตราสารหนี้เพื่อจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสินค้าและค่าจองสิทธิในการซื้อสินค้า ซึ่งมูลค่ารายการดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและถือเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท (เพิ่มขึ้นจากปี 2558 คิดเป็น 58% และยอดคงเหลือคิดเป็น 45%ของสินทรัพย์รวม)
โดยสำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่าความถูกต้องครบถ้วนของรายการดังกล่าวเป็นข้อมูลสำคัญต่อผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน รวมถึงเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อให้บริษัทกลับมาทำธุรกิจได้ โดยให้ส่งผลการตรวจสอบต่อสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 30 วัน
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยังคง SP หลักทรัพย์ EARTH ต่อไป และขึ้นเครื่องหมาย NP (Notice Pending) ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.60 จนกว่าบริษัทจะนำส่งผลการทำ special audit และคำชี้แจงตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถามได้ครบถ้วนและชัดเจน เนื่องจากเป็นข้อมูลสำคัญที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทและเป็นสารสนเทศสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุน