ดาวโจนส์ปิดวานนี้ปรับขึ้น NASDAQ ปิดสูงสุดในรอบ 15 ปี

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในช่วงท้าย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อย โดยได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในช่วงท้าย อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อย โดยได้รับแรงกดดันในระหว่างวันจากผลประกอบการที่ผันผวนของบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ รวมถึงจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,058.69 จุด เพิ่มขึ้น 20.42 จุด หรือ +0.11%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,056.06 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุด หรือ +0.41% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,112.93 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด หรือ +0.24%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรในช่วงท้าย หลังจากที่ตลาดร่วงลงในช่วงเช้า อันเนื่องมาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 295,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 290,000 ราย

ขณะที่มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 54.2 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 55.7 ในเดือนมี.ค. ด้านนักวิเคราะห์คาดว่าอยู่ที่ระดับ 55.5 นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่งในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลง 3.34% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ไตรมาสแรกที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด, หุ้นเป๊ปซีโค ร่วงลง 1.59% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิลดลง 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี, หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลง 2.62% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 3.54 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ระดับ 2.50 พันล้านดอลลาร์

ส่วนหุ้น AT&T พุ่งขึ้น 4.17% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 61 เซนต์ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าช่วงไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ 70 เซนต์ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูทางการสหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย

Back to top button