น้ำมันดิบปิดวานนี้พุ่ง 1.58 ดอลล์ หลังซาอุฯโจมตีเยเมนรอบใหม่

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและกองกำลังพันธมิตรได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศรอบใหม่ต่อกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 เม.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเริ่มกลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่าซาอุดิอาระเบียและกองกำลังพันธมิตรได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศรอบใหม่ต่อกลุ่มกบฎฮูตีในเยเมน

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์ ปิดที่ 57.74 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.พุ่งขึ้น 2.12 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.85 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจากมีรายงานว่าเครื่องบินรบของซาอุดิอาระเบีย และชาติพันธมิตรยังคงเดินหน้าทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน แม้ทางการซาอุดิอาระเบียประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะยุติการโจมตีทางอากาศในเยเมน

นอกจากนี้ ยังเกิดการสู้รบในภาคพื้นดินระหว่างกลุ่มกบฏและกองกำลังที่ยังคงจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีของเยเมนที่ขณะนี้ได้ลี้ภัยไปยังซาอุดิอาระเบีย เหตุการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ถึงความยากลำบากในการหาทางออกทางการเมืองในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในเยเมน ซึ่งสร้างความขัดแย้งระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน ทั้งนี้ เยเมนเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในเยเมนถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 18 เม.ย. เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 295,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 290,000 ราย ส่วนยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐร่วงลงมากที่สุดในรอบกว่า 1 ปีครึ่งในเดือนมี.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ

Back to top button