บอร์ด WIN อนุมัติเพิ่มทุน 25 ล้านหุ้นขาย RO หุ้นละ 1.05 บ.

บริษัท สวนอุตสาหกรรม วินโคสท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WIN ระบุว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2558 ที่ประชุมมีมติอนุมัติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียน จำนวน 132,963,479 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 632,963,479 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 500,000,000 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

รวมถึงอนุมติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 25,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 500,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 525,000,000 บาท

โดยการออกหุ้นสามัญจำนวน 25,000,000  หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 25,000,000 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น(Right Offering) ในอัตรา 20 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ และหากมีเศษของหุ้นเหลือจากการคำนวณตามการจัดสรรดังกล่าวให้ปัดเศษของหุ้นนั้นทิ้ง โดยราคาเสนอขายหุ้นละ1.05 บาท

ทั้งนี้ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อเป็นผู้รับสิทธิในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 และรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อรับสิทธิในการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ส่วนระยะเวลาการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนและชำระเงินระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2558

สำหรับกรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรร บริษัทจะเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัดในราคาหุ้นละ 1.05 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด ซึ่งราคาตลาดจะคำนวณโดยอิงกับราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์รวม 15 วันทำการก่อนวันประชุมคณะกรรมการบริษัท (วันที่ 18 กุมภาพันธ์ – วันที่ 11 มีนาคม 2558) ซึ่งเท่ากับ 1.10 บาท

ทั้งนี้ ราคาที่กำหนดขึ้นดังกล่าวเป็นราคาที่เท่ากับราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทและให้คณะกรรมการบริษัท หรือคณะกรรมการบริหารบริษัท หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการบริหารบริษัท เป็นผู้มีอำนาจกำหนดรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว เช่นการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นคราวเดียว หรือแบ่งเป็นส่วนๆ เพื่อเสนอขายเป็นคราวๆ และมีอำนาจกำหนดรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวตามที่เห็นสมควร เพื่อให้บริษัทได้รับประโยชน์สูงสุด และไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย และ/หรือกฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้องของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์